วันนี้ (9 เม.ย. 63) เวลาประมาณ 11.00 ห้องประชุมราชสีห์ 1 ศาลากลาง จ.พังงา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายนเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา ร่วมแถลงข่าวสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.พังงา ว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย เป็นเด็กชายอายุ 8 ขวบ อาศัยอยู่ที่ ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเข้าสู่กระบวนการรักษาภายในห้องแยกของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดพังงา
- ศบค.โควิด เผย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 54 คน ยังเป็นกลุ่มเดิม
- #เราไม่ทิ้งกัน ไม่การันตี แจก 5 พันถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด 19
-
นครพนมล็อกดาวน์ ปิดเมือง 13-30 เม.ย. 63
ด้านนายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา กล่าวว่า สำหรับเด็กชายที่ตรวจพบเชื้อนั้นมี อายุ 8 ขวบ อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งทำงานที่เกาะพีพี จ.กระบี่ และเดินทางเข้าพื้นที่เกาะยาวเมื่อวันที่ 23 มี.ค.63 ต่อมาวันที่ 24 มี.ค.63 มีญาติเป็นหญิงสาวชาวเกาะลันตา จ.กระบี่ ได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมครอบครัวในบริเวณพื้นที่เกาะยาวใหญ่ โดยได้ไปหลายจุด และได้เดินทางกลับไปที่เกาะลันตา เวลาต่อมาได้พบว่าตัวเองได้ติดเชื้อไวรัสโควิค-19 และได้เข้าทำการรักษาตัวที่ จ.กระบี่
สำหรับผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กชายวัย 8 ขวบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจเชื้อบุคคลที่สัมผัส และใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายนี้จำนวน 68 ราย โดยให้ทำการกักตัวดูอาการเพื่อรอทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19
ภายในบริเวณสถานที่ที่อำเภอเกาะยาวได้จัดไว้
ส่วน นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า จ.พังงา พบผู้ติดเชื้อรายแรก หลังจากมีมาตรการเฝ้าระวังตั้งแต่เริ่มแรกใน วันที่ 27 ม.ค.63 รวมเป็นระยะเวลา 73 วัน แต่ไม่ได้เกินความคาดหมายของทางจังหวัด เนื่องจากปัจจุบันมีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างรุนแรง จากนี้ทาง จ.พังงา จำเป็นต้องออกมาตรการเข้มงวดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเตรียมออกประกาศปิดพื้นที่ อ.เกาะยาว ไม่ให้เรือเข้า-ออกพื้นที่ดังกล่าว เว้นแต่เรือที่ได้รับอนุญาตจากทางนายอำเภอเกาะยาวเท่านั้น และมีการปิด ต.เกาะยาวใหญ่ ทั้งตำบลไม่ให้บุคคลทั้งในและนอกพื้นที่ ต.เกาะยาวใหญ่เข้า-ออก เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน และได้รับอนุญาตจากทางนายอำเภอ โดยกำหนดเวลาปิด-เปิด ร้านค้า ร้านอาหาร ตั้งแต่เวลา 20.00 น. ถึง 05.00 น.ของวันรุ่งขึ้น
ส่วนบุคคลในพื้นที่ ต.เกาะยาวน้อย และ ต.พรุใน สามารถสัญจรไปมาระหว่างพื้นที่ได้แต่ต้องอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ พร้อมกับคาดโทษสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ละเลยการปฏิบัติงาน หากพบทางจังหวัดพร้อมใช้กฎหมายดำเนินคดีทันที