แม่ร้องปวีณา ลูกสาวขังเเมวร่วม 40 ตัวในบ้าน ใครเตือนไม่สนเข้าข่ายทารุณสัตว์?

เราได้มีโอกาสสบตากับมะขวิดแว้บนึง ในเหตุการณ์ณ์ร้องเรียนให้ไปช่วยคน และช่วยแมวถูกขังเดี่ยวที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อวานนี้

เรื่องมีอยู่ว่า สองวันก่อน มีแม่ท่านหนึ่ง ร้องเรียนขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีให้ไปช่วยลูกสาวหน่อย
แม่กังวลว่าลูกอาจมีอาการทางจิต เหตุเนื่องจากลูกประสบพิษโควิดทำให้งานที่เคยทำในกทม.น้อยจนไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ ต้องอพยพตัวเองกลับไปอยู่กลับแม่ที่ทางใต้

เพียงลำพังลูกสาวคนเดียวแม่บอกไม่มีปัญหาใดๆ แต่ลูกสาวดันขนแมวจำนวน 30-40 ตัว ใส่รถหกล้อกลับมาด้วย และยึดบ้านทั้งหลังให้กลายเป็นที่เลี้ยงแมว มันจึงกลายเป็น…จุดเริ่มต้นของปัญหา

บ้านเปลี่ยนไป ลูกสาวก็เปลี่ยนไป!!! ลูกสาวคนเก่งที่เคยทำงานได้เงินเป็นกอบเป็นกำ มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่เมื่อเจอปัญหาต้องกลับบ้านพร้อมแมว แม้เธอก็พยายามจะปรับตัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง คือ ลูกสาวเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอเงียบ ไม่พูดจา ไม่สังคม

แม่เลี้ยงหมาไว้ที่บ้านอยู่แล้ว 6 ตัว เธอกลัวว่าหมาของแม่จะกัดแมวของเธอ เธอจึงปิดบ้าน ทั้งประตู ปิดหน้าต่างและเลี้ยงแมวในระบบปิดชนิดที่อากาศและแสงแทบเข้าไม่ได้ แมวทั้งหมดไม่ได้ออกไปไหน ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ขี้แมวก็ไม่ได้ถูกชะล้าง กลิ่นเหม็นเริ่มรุนแรงขึ้นทุกวัน เหตุการณ์ผ่านไปเป็นเดือน จนสองเดือน กลิ่นขี้แมวตลบอบอวลในบ้านจนแม่ไม่สามารถจะนอน หรือใช้ชีวิตในบ้านได้ ต้องออกมาหาที่นอนนอกชายคาบ้าน และทุกครั้งที่พูดถึงปัญหานี้ ลูกสาวจะขึ้นเสียงและแม่ลูกก็ทะเลาะกัน

ต่อมา…ลูกสาวมีอาการเก็บตัวมากขึ้น เริ่มสนใจแมวบ้าง ไม่สนใจบ้าง ให้อาหารบ้าง ไม่ให้อาหารบ้าง เริ่มไม่อาบน้ำ และเริ่มมีความก้าวร้าว จนแม่เริ่มทนไม่ไหวพยายามหาคนมาช่วย แม่เคยแจ้งตำรวจให้มาพาตัวลูกสาวไปบำบัดแต่ไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจแจ้งถึงมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

28 กรกฎาคม 2563 ท่านปวีณารับเคส พอดีอีจันอยู่ด้วยจึงนัดกันลงพื้นที่ไปดู โดยท่านได้ประสานพี่เสกสรร ปศุสัตว์จังหวัดนครศรีธรรมราชไว้ล่วงหน้าว่า หากพบการทารุณกรรมสัตว์จริงตามร้องเรียน ทางปศุสัตว์จะสามารถช่วยรับแมวประมาณ 40 ตัว ไปฟื้นฟูได้ โดยจะหาที่พักพิงให้แมวชั่วคราว หาสัตว์แพทย์ตรวจแมวเบื้องต้น ส่วนคนจะส่งไปบำบัดถ้าเป็นไปได้

29 กรกฎาคม 2563 ทีมท่านปวีณาไปถึงบ้านที่ร้องเรียน บ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ปิดหน้าต่างทุกบาน เราเดินไปแอบส่องที่กระจกเห็นในบ้านเต็มไปด้วยแมวทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ นอนอยู่ในซอกมุมของบ้านเยอะไปหมด ขณะที่ยืนส่องอยู่นอกบ้าน กลิ่นขี้แมวก็ทะลุบานเกร็ด หรือขอบประตูออกมาอย่างรุนแรง สาวเจ้าของแมวออกมาเจรจาด้วยท่าทีแข็งกร้าว เธอบอก เธอปกติดี ไม่ได้มีปัญหา หรือกระทำผิดใดๆ เมื่อแม่พยายามจะบอกปัญหาของแมว เธอยิ่งเสียงดังจนแม่ ไม่พูดคำใดๆออกมาอีก ลูกสาวยืนกรานไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าเข้าไปดูแมว และไม่ยินยอมรับความช่วยเหลือใดๆ ทำให้ตำรวจทำอะไรไม่ได้ แต่…ด้วยความเป็นห่วงแมวที่ถูกขังในบ้าน ว่าสภาพจะเป็นอย่างไร? เจ้าหน้าที่จึงพยายามเจรจาขอให้เธอยอมให้ปศุสัตว์จังหวัดได้เข้าไปเอาแมวมาตรวจรักษา ฉีดวัคซีน หรือ ล้างบ้าน อบฆ่าเชื้อ ซึ่งเธอยื้ออยู่นาน จน…ในที่สุดก็ยอมเปิดประตูไป หยิบกรงเล็กๆที่มีเจ้ามะขวิด แมวอายุ 3 ปี ตัวอ้วน หน้ามึน มีลายเหมือนแรทคูณ นอนตัวเต็มกรงมาให้ดู เธอบอกว่า เธอดูแลแมวเป็นอย่างดี และมะขวิดก็มีความสุขดี เราถาม แมวเดินได้มั้ย เพราะแมวกับกรงแทบจะขนาดเท่ากัน ขยับยังลำบาก เธอยืนยันว่า “ได้” เสียงค่อนข้างเข้มข้น

แมวถูกขังเดี่ยว มีตัวเดียวหรือหลายตัว ?. เราแอบถามป้าของเธอ ป้ากระซิบมีอีกหลายตัว แต่เราไม่กล้าเข้าไปดูเพราะทนกลิ่นขี้แมวไม่ไหว จึงได้แต่ดูหน้ามะขวิด สบตามึนๆก็รู้สึกสงสารที่ นางต้องมีชีวิตอยู่แบบนั้น แบบที่เจ้าของบอกรักมากเป็นพิเศษ ในวันนั้นสรุปแล้ว สถานการณ์ณ์ไม่เอื้อให้สามารถช่วยเหลือทั้งคนและแมวได้ดังหวัง ทีมงานและเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ปศุสัตว์ พม. สาธารณสุข ผู้ใหญ่ กำนัน จึงล่าถอยมาก่อนเพราะเกรงลูกสาวจะเครียดเกินไป จะทำให้สถานการณ์แย่ไปอีก แผนต่อมา คือ เจ้าหน้าที่ไปเกลี้ยกล่อมขอให้ลูกสาวล้างบ้านทำความสะอาด อาบน้ำแมว และเจ้าหน้าที่จะเข้าไปติดตามฉีดวัคซีน และทำหมันให้ ส่วนทางพม.จังหวัดจะส่งนักจิตวิทยามาพูดคุยกับลูกสาวเพื่อประเมินต่อไป

ล่าสุดวันนี้ได้รับแจ้งจากทางปศุสัตว์ว่า ลูกสาวซึ่งวันนี้ยังอยู่ในชุดเดิม ได้ทำการล้างบ้านบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ฉีดวัคซีนแมว อ้างขอเวลาหลังวันแม่ เธอจะมีเวลาดูแลแมว ถ้ามีการทำหมัน เรื่องนี้คงต้องติดตามต่อว่า เจ้าหน้าที่ในจังหวัดจะสามารถแก้ไขปัญหาทั้งคน และแมวได้อย่างไร?. มะขวิดจะรอดจากการขังเดี่ยววันไหน จะรายงานให้ทราบนะคะ เรื่องนี้มันเป็นความทุกข์…ของแม่ และทุกข์ของแมว ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจริงๆ