คดีบอส อยู่วิทยา ยังไม่ถึงที่สุด! อัยการแจง หากพบพยานหลักฐานใหม่ว่าทำผิดสั่งฟ้องได้

คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด หากพบพยานหลักฐานใหม่ว่าทำผิดสั่งฟ้องได้แน่นอน” ประโยคจากทีมสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลตรววจสอบการสั่งคดี ‘บอส อยู่วิทยา’

หลังจากใช้เวลา 7 วัน ในการพิจารณาตรวจสอบกรณีการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต วันนี้(4 ส.ค. 63) คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ร่วมกันแถลงชี้แจงผลการตรวจสอบ

โดย นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกันแถลงว่า คดีนี้ตำรวจทำสำนวนคดีเสนออัยการคดีพิเศษอาญากรุงเทพใต้ 1 พิจารณาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2556 ใน 5 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถอื่นเสียหาย , หลบหนีไม่ยอมให้การช่วยเหลือ , ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถขณะเมาสุรา โดยในสำนวนมีการฟ้อง ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ต้องหาที่ 2 แต่แรก ในความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย โดยตำรวจได้เสนอความเห็นควรฟ้องแค่ 3 ข้อหา แต่อัยการพิจารณาแล้วเห็นควรฟ้อง 4 ข้อหา เว้น ข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งกระบวนการพิจารณาของอัยการชุดแรก มีการเสนอความเห็นไปตามลำดับชั้น ไม่มีความเห็นแย้ง

ภาพจากอีจัน


ส่วนข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนคดี มีข้อมูลปรากฏในสำนวนว่า นายจารุชาติ มาดทอง เข้าให้การในฐานะพยานหลังเกิดเหตุ 3 วัน อ้างว่าตนเองขับรถในช่องทางกลาง เห็นรถจักรยานยนต์ตำรวจขับปาดจากช่องทางซ้าย จึงเบรกกะทันหัน ก่อนจะไปเกิดอุบัติเหตุ ส่วนคำให้การของ พันตำรวจตรีธนสิทธิ์ แตงจั่น เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญได้ทำเสนอความเห็นครั้งแรกว่ามีการคำนวนได้ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนผลการตรวจร่างกายนายวรยุทธ หลังเกิดเหตุไปแล้วประมาณ 10 ชั่วโมง แพทย์พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 68 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และพบมีสารแปลกปลอมในเลือดซึ่งเป็นสารประกอบย่อยของโคเคน 2 ชนิด ต่อมาผู้ต้องหามีการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้ง และพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมีการกลับคำให้การเรื่องความเร็วเหลือไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมถึงผลการสอบคำให้การพยานหลังๆ ก็ให้การไปในทำนองเดียวกัน จึงเป็นเหตุให้รองอัยการสูงสุดขณะนั้นมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว

ภาพจากอีจัน


หลังการพิจารณาสำนวนคดีนี้โดยละเอียดแล้วเห็นว่า ควรมีการเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งใน 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ ควรสั่งให้พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดกับนายวรยุทธ จากกรณีที่พบสารโคเคนในร่างกาย และคดีนี้ยังไม่ขาดอายุความ ถึงเเม้จะมีเเพทย์ให้ความเห็นว่าที่พบสารโคเคนอาจจะเกิดจากใช้ยาบางชนิดก็ตาม ให้เป็นไปตามดุลยพินิจพิจารณาอีกครั้ง

ภาพจากอีจัน


อีกประเด็นคือเรื่องการขับรถเร็ว เห็นว่าในสำนวนไม่มีรายงานผลการตรวจสอบของดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ไปให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องการคำนวนความเร็วไม่ต่ำกว่า 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งที่อาจารย์คนดังกล่าว ได้รับการว่าจ้างและลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน อันนี้ให้ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ในคดีนี้ ที่สามารถสอบสวนใหม่ เพื่อให้อัยการมีความเห็นในการสั่งคดีใหม่ได้

คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันว่า แม้จะมีคำสั่งเสร็จเด็ดขาดไม่ฟ้องนายวรยุทธไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว เนื่องจากคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด ดังนั้นเมื่อมีพยานหลักฐานใหม่ที่น่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้ ก็สามารถสอบสวนต่อไปได้ ซึ่งผู้ที่จะฟ้องได้นั้นมี 2 คน คือ ผู้เสียหายและอัยการ เพราะคดีนี้เป็นความผิดต่อแผ่นดิน พร้อมยืนยันว่าหากพบว่าทำผิดก็สั่งฟ้องแน่นอน