บึ๊กปั๊ด แถลงคืบหน้า “คดีน้องชมพู่” ยันเด็กขึ้นเขาเองไม่ได้!

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าคดีน้องชมพู่ เผย ยังไม่สรุปคดี ชี้ เด็ก 3 ขวบขึ้นเขาเองไม่ได้ เตือนคนร้าย “นอนเครียดต่อไป”

วันนี้ (2 ต.ค. 63) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมตำรวจ คณะทำงาน “คดีน้องชมพู่” ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าของคดี ว่า ขอชี้แจงว่าเป็นการแถลงความคืบหน้า ไม่ใช่การสรุปคดี อย่างที่มีกระแสข่าวออกไป โดยคดีน้องชมพู่นี้ จากการสอบปากคำพยานบุคคล 384 ปาก สอบปากคำ 120 ปาก ผู้เชี่ยวชาญ 13 ปาก วัตถุ 113 ชิ้น พยานหลักฐานที่เกิดเหตุ 16 ชิ้น ดีเอ็นเอต้องสงสัย 154 ตัวอย่าง สำนวนการสอบสวนมีความหนา 918 หน้า

โดยเมื่อวันที่ 11 ส.ค.63 คณะพนักงานสอบสวน สรุปสำนวนชันสูตรพลิกศพ ที่ 3/2563 โดยสรุปข้อมูลที่ได้จากการสืบสวนสอบสวนแล้วยืนยันว่า “น้องชมพู่ ไม่สามารถเดินขึ้นไปยังจุดพบศพ บนภูเหล็กไฟได้ด้วยตนเอง” ซึ่งประกอบไปด้วยเหตุผล 8 ประการ ดังนี้
1 เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถ ที่น้องชมพู่ สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้ เพราะน้องชมพู่ยังไม่สามารถเดินขึ้นบันใดบ้านได้ ซึ่งบันใดบ้านมีความชันเพียง 45 องศา
2 พลังงานไม่เพียงพอ โดยพนักงานโภชนาการ มีความเห็นว่า อาหารเช้ามื้อสุดท้ายของน้องชมพู่ กินไปมีเพียงไข่เจียว 3 คำ น้ำส้ม 1 ขวด ไม่สามารถให้พลังงานได้เพียงพอ
3 ประสบการณ์ชาวบ้าน โดยชาวบ้านให้การสอดคล้องกันว่า เด็ก 3 ขวบขึ้นเขาภูเหล็กไฟ ด้วยตนเองไม่ได้
4 กรณีศึกษา จากการหายตัวไป ของนางพิมพ์ ระยะทางที่หลงมีระยะทางเป็น 2 เท่าของระยะทางกรณีน้องชมพู่ ชาวบ้านยังสามารถหาเจอได้ในคืนเดียว
5 ผู้ชำนาญการยืนยัน แพทย์นิติเวชมีความเห็นว่า เด็ก 3 ขวบขึ้นไปเองไม่ได้ กุมารแพทย์ ให้ความเห็นว่า เด็ก 3 ขวบเดินห่างไปจากบ้าน 200 เมตร ยังมองเห็นบ้านไม่น่าหลงทาง พัฒนาการณ์ของเด็ก 3 ขวบ เดินไปบนเขาเองไม่ได้
6 สภาพศพ วันที่พบศพเปลือยกาย พ่อแม่ยืนยัน เด็กไม่สามารถถอดเสื้อเองได้
7 ตำรวจ เอาเส้นผม 36 เส้น ที่ตกอยู่ข้างศพ ตรวจพบว่า เป็นเส้นผมของน้องชมพู่ เกิดจากการตัดด้วยมีด น่าเชื่อว่า เป็นการกระทำจากบุคคลอื่น
8 น้องชมพู่ กลัวที่สูง กลัวฝน กลัวป่า ไม่เคยเล่นไกลบ้าน ไม่เคยขึ้นภูเหล็กสักครั้ง พ่อแม่ไม่เคยพาขึ้นไปเลย ชมพู่เดินขึ้นไปไม่ได้ มีคนพาไป ทำให้ตายทั้งทางตรงหรือทางอ้อม

จากเหตุผลทั้ง 8 ประการ สามารถตั้งข้อหาได้คือ “พรากเด็กและกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และข้อหาซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลาย และอำพรางศพ” แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานพอที่จะออกหมายจับ หรือดำเนินคดีกับใครได้

แต่ถึงอย่างไรการสืบสวนสอบสวน ยังไม่ยุติ เพราะคดีมีอายุความถึง 20 ปี ถึงแม้ว่าในขั้นตอนของตำรวจ ถ้าไม่สามารถดำเนินคดีกับใครได้ภายใน 1 ปี สำนวนการสอบสวนต้องส่งให้พนักงานอัยการ แต่นี้เป็นเพียงระเบียบตำรวจไม่ได้เป็นกฎหมาย ถ้ามีพยานหลักฐานที่สามรถดเนินคดี ก็จะทำต่อไป พร้อมดำเนินการตามมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม ในทางสากล ขอให้ประชาชนมั่นใจ ถึงแม้ จะตอคำถามไม่ได้ว่าใครเป็นคนร้าย แต่อย่างน้อยก็ยืนยันว่ายังไม่ละเลิกความพยายามภายใต้กฎกติกา และขอสรุปว่า เชื่อว่าน้องชมพู่ ไม่ได้เดินขึ้นไปเอง อาจจะถูกใครบาคนกระทำด้วยวิธีการใด ๆ ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม เพราะฉะนั้น คนนั้นต้องรับข้อหาที่เราตั้งไว้

ภาพจากอีจัน
นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงการสืบสวน 3 หัวข้อ ดังนี้ 1 เวลาที่เกิดเหตุ เวลาที่น้องชมพู่หายตัวไปคือเวลา 09.11 – 09.49 โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่น้องชมพู่ดูคลิปวีดีโอจากคอมพิวเตอร์ เมื่อเวลา 09.49 น. อ้างอิงจากข้อมูลโทรศัพที่พี่สาวของน้องชมพู่ ใช้เฟซบุ๊กเป็นเวลาสุดท้ายก่อนพบว่าน้องชมพู่หายตัวไป 2 เวลาที่น้องชมพู่เสียชีวิต จากการสอบปากคำแพทย์ผู้ชันสูตร โดยแพทย์เห็นว่า แพทย์ชันสูตรอวัยวะภายในเน่า หนอนแมลงวันชอนไช โดยเห็นว่า น้องชมพู่ น่าจะเสียชีวิตช่วงวันที่ 12 พ.ค.63 เวลา 14.30 น. – 13 พ.ค. 63 เวลา 14.30 น. เป็นเวลา 24 ชม. และจากการสอบถามนักกีฏวิทยา เห็นวา หนอนที่อยู่ในศพน้องชมพู่ ในวันที่แพทย์ผาชันสูตร 15 พ.ค.63 กีฏวิทยา บอกว่า หนอนนั้น เป็นหนอนระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย จึงวิเคราะว่า น้องชมพู่ เสียชีวิตอย่างน้อย 3 วัน จึงเชื่อได้ว่า น้องชมพู่เสียชีวิตในช่วงวันที่ 12 พ.ค.63 เวลา 14.30 น. – 13 พ.ค. 63 เวลา 14.30 น. 3 สาเหตุการเสียชีวิต พบร่องรอยบาดแผลหลายจุด แต่ไม่พบบาดแผลใดที่ทำให้เสียชีวิต ไม่พบว่าถูกล่วงละเมิด แต่จากการสอบปากคำแพทย์ชันสูตร ให้ความเห็นว่า อาจเป็นไปได้ว่า ร่างกายขาดน้ำ ขาดอาหาร เพราะไม่พบอาหารในลำไสเล็ก แต่จากการพบของเหลว 10 cc แพทย์เห็นว่าเกิดจากกระบวนการเน่าเปื่อยของร่างกาย นอกจากกนี้ พยานหลักฐาน ดีเอ็นเอ เป็นแค่ส่วนหนึ่งไม่ได้เก็บเหมือนคดีอื่น โดย สภ.กกตูม ได้ส่งหลักฐาน 257 รายการ มาตรวจดีเอ็นเอ ทั้งหมด รวมเส้นผมจากที่เกิดเหตุ ที่ไม่มีรากผม โดยทำการตรวจไมโทคอนเดรีย “ดีเอ็นเอในสายของมารดา”แต่ “ไม่ได้หมายความว่า คนที่มีดีเอ็นเอตรงกับผลไมโทคอนเดรียนั้นเป็นคนร้าย”

ทั้งนี้ ขอฝากถึงคนร้าย ว่า “ขอให้คนร้ายที่ฟังอยู่ นอนเครียดต่อไป เพราะเรายังไม่เลิก สืบสวน”
ส่วนในกรณีของ “ลุงพล” ที่ผู้สื่อข่าวถามว่ายังตกเป็นผู้ต้องสงสัยหรือไม่ ทาง ผบ.ตร. ได้ชี้แจงว่า ไม่ขอตอบประเด็นนี้ และเราไม่มีพยานหลักฐานพอที่จะตั้งข้อหาใคร เราพูดไม่ได้ว่าเราสงสัยใคร ส่วนเรื่องจำเลยสังคมต้องถาว่าใครเอาตำแหน่งนั้นให้

ภาพจากอีจัน