ฉาววงการศึกษาอีกครั้ง ! เรียกได้ว่าช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับครูทำร้ายร่างกายศิษย์มีมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง แต่คราวนี้เรื่องเกิดขึ้นที่ โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
วันนี้ (2 ต.ค.63) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองว่ามีครูด่าเด็กนักเรียนชาย ชั้น ม.2 ด้วยถ้อยคำหยาบคายและใช้มือตบหน้าเด็กอย่างแรง ในช่วงที่เด็กไปรอขึ้นเวทีร้องเพลงในงานเลี้ยงเกษียณครูในโรงเรียน
น้องเอ (นามสมมติ) เด็กนักเรียนชายที่ถูกด่าและตบหน้า เล่าว่า วันที่ 30 ก.ย.63 เวลาประมาณ 20.00 น. โรงเรียนมีการจัดงานเลี้ยงให้กับครูที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งครูก็ให้เด็กนักเรียนหลายคนไปช่วยร้องเพลงและแสดงบนเวที ตนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย โดยในวันนั้นก็ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เพื่อรอร้องเพลงในงาน แต่ช่วงที่กำลังยืนรอจะขึ้นเวที จู่ๆ ก็มีครูผู้ชายซึ่งอยู่ในโรงเรียนและเคยสอนวิชาพละศึกษาตนตอน ม.1 เดินเข้ามาด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายว่า “มึงมาทำไม ใครให้มึงมา กลับบ้านมึงไปเลย” แล้วใช้มือขวาตบหน้าตนอย่างแรง ตอนนั้นก็รู้สึกงงว่าครูมาด่าและตบทำไม ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
วันต่อมา ยายก็พาตนไปพบ ผอ.โรงเรียน เพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ซึ่งทาง ผอ.ก็รับปากว่าจะจัดการให้ กระทั่งครูผู้หญิง ซึ่งเป็นภรรยาของครูที่ก่อเหตุได้มาบอกกับน้องเอว่า อย่าไปถือสาครูเลย ครูกำลังเครียดเพราะ เพิ่งขับรถชนหมาที่บ้านตาย และช่วงนี้ก็กำลังอยู่ในวัยทองด้วย แต่ตัวครูที่ก่อเหตุกลับไม่ได้มาขอโทษหรือบอกเหตุผลอะไร
เบื้องต้นก็ได้ไปพบ ผอ.โรงเรียน แล้ว ผอ.ก็ขอโทษแทนครูคนดังกล่าว พร้อมรับปากว่าจะจัดการให้ ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้อยากเอาเรื่องอะไรกับครู แค่อยากให้ครูมาขอโทษและบอกเหตุผลว่าทำไมถึงทำ และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงเรียนที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถาม ผอ.โรงเรียน แต่ ผอ.เดินทางไปราชการ และไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูล จากนั้นจึงได้ติดต่อไปยังครูต๋อง อายุ 57 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่าด่าและตบหน้าเด็กนักเรียน
โดยครูต๋อง ชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด วันนั้นครูไม่ทราบว่าน้องเอ จะขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีในงานเกษียณด้วย เพราะน้องไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกับนักเรียนคนอื่นที่จะขึ้นแสดง ตนเห็นน้องใส่ชุดนักเรียนอยู่ ด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนั้นค่ำมืดแล้ว จึงเข้าไปถามน้องว่าทำไมยังไม่กลับบ้าน พร้อมบอกให้น้องกลับบ้านเพราะค่ำแล้ว
ซึ่งตอนที่เดินไปบอกตนก็ได้ใช้มือแตะที่ไหล่ของน้อง เหมือนเวลาที่ตนเองสอนพละก่อนที่นักฟุตบอลจะลงสนามก็จะใช้มือตบไหล่แล้วบอกให้สู้ๆ และตอนที่ใช้มือจับไหล่น้องเป็นจังหวะที่น้องหันหน้ามาพอดีอาจจะไปโดนช่วงระหว่างคอและหน้าของน้อง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ตบหน้าอย่างแน่นอน หลังจากทราบเรื่องก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงได้เดินทางไปขอโทษน้อง และผู้ปกครองที่บ้านแล้ว หลังจากได้พูดคุยทำความเข้าใจทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจอะไร