ไข่ มาลีฮวนน่า กับ การช่วยเหลือเยียวยาคนบันเทิง ในวิกฤต โควิด

ในข้อเท็จจริง ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ทุกๆคนในสังคมนี้ ได้รับผลกระทบ จากไวรัสร้ายไม่มากก็น้อย ตั้งแต่คนมีเงินทองเจ้าของธุรกิจ ไปจนถึงคนหาเช้ากินค่ำ
เรียกว่า ลำบากกันทุกหย่อมหญ้า
รวมทั้ง กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบ และแรงเสียดทาน แทบจะติดอยู่ในหนึ่งกลุ่มแรกๆ ต่อคำสั่งในการป้องกันของภาครัฐ
สิ่งที่กำลังพูดถึงอยู่คือ กลุ่ม นักดนตรี และคนบันเทิง
หากมองในแบบไกลตัว ก็แค่คนหนึ่งกลุ่มที่ก็ได้รับผลกระทบ แต่เช่นกัน คนกลุ่มนี้ ก็มีครอบครัวภาระ ไม่ต่างจากทุกๆคน
บางคน เจ็บหนักจากการแพร่ระบาดรอบแรก ถึงขั้น ยอมขายอุปกรณ์ดนตรี จบอาชีพ เพื่อมีชีวิตต่อ บางคน กำลังตั้งตัวใหม่ แต่ก็กำลังทำท่าจะล้มทั้งยืน ในการระบาดรอบ 2

และนั่นเอง ทำให้ ชายคนหนึ่ง ที่มีนามว่า คฑาวุธ ทองไทย หรือ อ.ไข่ มาลีฮวนน่า นักร้องเพื่อชีวิตคนดัง ได้ตระหนักถึงคนร่วมอาชีพ จึงร่วมกับผู้ที่เห็นพ้อง ก่อตั้ง สมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย และตัวเขานั้น เป็นประธาน เพื่อดำเนินการ เป็น โซ่ข้อกลาง ประสานงานระหว่างภาครัฐและคนบันเทิง ให้สามารถได้รับการเยียวยา
ต่อการดำเนินการนี้ เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา อ.ไข่และคณะ ได้เข้าพบพล.อ ณัฐพล นาคพานิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือนำความเดือดร้อนของคนบันเทิงให้ทางรัฐบาลได้ช่วยเหลือเยียวยาอย่างเร่งด่วน และทางสมาพันธ์ฯ ได้ ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือเยียวยา มี 3 ข้อ ได้แก่
1. ขอให้ดำเนินการพักหนี้ให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ บาร์ ผู้จัดคอนเสิร์ต นักดนตรี และผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวของกับสถานบันเทิงเพราะมีภาระหนี้สินมากมายทั้งค่าเช่าร้าน ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ
2. สนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ บาร์ ผู้จัดคอนเสิร์ต นักดนตรี และผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง สามารถกู้เงินไปสร้างงานอื่นหรือฟื้นฟูกิจการแบบปลอดดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยต่ำ เพราะสถานบันเทิงหลายแห่งสามารถกลับมาเปิดบริการได้ภายหลังสถานการณ์โควิด รอบแรกคลี่คลาย ต้องกู้เงินทั้งในและนอกระบบมาดำเนินการให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้
และ 3. ขอให้เปิดบริการสถานบันเทิง ผับ บาร์ และจัดคอนเสิร์ตได้ ในจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อจากคนไทยเป็นระยะเวลา 28 วันติดต่อกัน

เมื่อรูปธรรมกำลังเกิดขึ้น แน่นอน จึงไม่รีรอ ล่าช้า ยกหูโทรศัพท์ขอพูดคุยกับอ.ไข่ ถึงการดำเนินการในครั้ง โดย อ.ไข่ได้ตอบด้วยน้ำเสียงแข็งแรง แบบฉบับหนุ่มใต้ว่า ในการดำเนินการเพื่อเยียวยาความบันเทิงครั้งนี้ส่วนตัวเข้ามาทำงานในฐานะตัวกลางหรือคนประสานงานกลางเพื่อดำเนินแผนการในระยะสั้นและระยะยาว โดยเป็นการทำงานช่วยเหลือทางฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายสมาพันธ์ฯ ซึ่งภาครัฐก็จะได้รับรู้รับทราบว่าสมาพันธ์ฯนี้ ประกอบด้วย ร้านอาหาร ภาคเอกชนคนทำงานบันเทิง รวมไปถึงนักร้อง นักดนตรี คนเสิร์ฟอาหาร พ่อครัว แม่ครัวต่างๆ และสามารถตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงได้เพราะทุกๆคนจะมีข้อมูลอยู่ในของสมาพันธ์ฯ

อ.ไข่ ได้บอกเล่าต่อไปถึง แผนงานที่วางไว้ เพื่อประโยชน์ของคนบันเทิง ว่า สำหรับแผนการระยะยาวที่ได้วางเอาไว้ผ่านเครือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทยนั้น ตนได้มองถึงการวางแผนการออมเงินผ่านธนาคารออมสินซึ่งเป็นของรัฐ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาวหลังจากนี้ ก็มีแผนการที่จะเตรียมเข้าพบกับทางนายกรัฐมนตรีเพื่อนำไปสู่การตั้งสมัชชาวิชาชีพศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ

“ ซึ่งถึงเวลานั้นทางตัวสมาพันธ์ฯเองก็จะมีเงินทุนในการดำเนินการกิจกรรมต่างๆสามารถทำ MOU กับหน่วยงานต่างๆได้ อย่างไรก็ดีสำหรับแผนการระยะไกลที่ได้วางไว้นั้น คือการสร้างอุตสาหกรรมบันเทิงที่มีโมเดลแบบประเทศเกาหลีใต้” อ.ไข่ ตอบถึงแนวทาง

เมื่อได้คุยถึงแง่มุมต่างๆ ถึงได้ทราบว่า สำหรับร้านอาหารหรือสถานบริการ รวมทั้งสมาชิกทั้งหมดของสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งอ.ไข่ คาดการณ์ว่า เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิคหมดไปจากประเทศไทยแล้ว จะสามารถนำศักยภาพของอุตสาหกรรมบันเทิงเข้ามาร่วมพัฒนาประเทศ หน้ารูปแบบของกิจกรรมที่เรียกว่า คอนเสิร์ตเปิดประเทศ หรือที่เรียกกันว่า อุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่าสามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศนับแสนล้านบาท
เกิดคำถามตัวโต ในหัวทันทีว่า อะไร คือคอนเสิร์ต เปิดประเทศ ? โดยไม่รอช้าต่อคำถาม อ.ไข่ อธิบายว่า ในสิ่งที่เรียกว่า คอนเสิร์ต เปิดประเทศนั้น ก็จะมีลำดับขั้นตอน ในระยะแรกนั้น ทางรัฐบาล จะต้องนำแผนเศรษฐกิจสร้างสรรค์นั้นเป็นหนึ่งในนโยบายขับเคลื่อนประเทศก่อน โดยโมเดลที่ต่อยอดความคิดมาจากของประเทศเกาหลีใต้นี้ จะเปิดโอกาสให้คนบันเทิงสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยการปลอดดอกเบี้ย ถัดมาคือการดำเนินการช่วยเหลือในข้อกฎหมายระหว่างประเทศที่อาจจะมีติดขัด ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลสามารถดำเนินการเข้ามาช่วยเหลือได้

สำหรับกิจกรรมคอนเสิร์ตเปิดประเทศ หากเกิดขึ้นนั้น ภาพที่ อ.ไข่ วางไว้ ก็คือ การรวบรวมศิลปินหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักดนตรี ลิเก หมอลำ หรือศิลปินด้านต่างๆมารวมกันทั้งหมด แล้วจะใช้งบประมาณของทางรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นงบประมาณของกองทุนสื่อสร้างสรรค์ หรือ จะเป็นงบประมาณของกระทรวงวัฒนธรรม หรือแม้กระทั่ง งบประมาณของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาดำเนินงานกิจกรรม
“ เพราะการเปิดประเทศนั้น จะแสดงความเชื่อมั่นภายในประเทศให้กับนานาชาติ และสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้” อ.ไข่ ขยายความ ต่อกิจกรรมที่วางแผนไว้

เมื่อถามในส่วนของประเด็นการต้องพักวงของ วงมาลีฮวนน่า ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในรอบใหม่นี้ อ.ไข่ยอมรับว่า เราก็ไม่ได้ต่างจาก วงคาราบาว ซึ่งเป็นวงศิลปินรุ่นพี่ ใน 1 เดือนนั้นทางวงจะมีงานแสดงคอนเสิร์ต 25 งาน
หากประเมินเป็นยอดเงินก็ตกอยู่ที่หลายล้านบาท ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพทั้งหมดก็ขอยกตัวอย่างเช่นจังหวัดเชียงใหม่มีร้านค้าอยู่โดยประมาณ 3,000 ร้านค้า ซึ่งมีศักยภาพในการที่จะสามารถเรียกเม็ดเงินเข้าสู่จังหวัดประมาณปีละ 2 หมื่น ล้านบาท และหากรวมกันทั้งประเทศก็ต้องลองคำนวณดูว่าเราสูญเสียรายได้ไปจำนวนเท่าไหร่

เมื่อให้มองในฐานะ ผู้ใหญ่ ของวงการดนตรี วงการบันเทิง ต่อมาตรการการป้องกันของทางภาครัฐ ตัวเขาเองมองว่า ตราบใด ที่ยังไม่มีวัคซีน โควิด เราก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. และในส่วนมาตรการที่ไม่ล็อกดาวน์แต่ก็เหมือนล็อกดาวน์ ในพื้นที่ควบคุม 28 จังหวัด ที่มีการแบ่งพื้นที่เป็นพื้นที่ สีแดง สีส้ม สีเหลือง และสีเขียว แม้จะอยู่ในพื้นที่สีเขียวและทางผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการอนุญาตสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ แต่ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ยังไม่สามารถที่จะตัดสินใจอนุญาตให้จัดกิจกรรมต่างๆได้ ส่วนตัวนั้น เห็นด้วยกับมาตรการเชิงรุกในการควบคุมของภาครัฐ แต่ในส่วนตัวอีกเช่นกันก็มองว่าแหล่งกำเนิดการแพร่ระบาดนั้น ไม่ได้เกิดจากผู้ประกอบการแต่อย่างใดแต่เกิดจากไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ บ่อนพนัน รวมทั้งแรงงานเถื่อน และมีคนของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในรอบใหม่ขึ้นมา และที่สำคัญประชาชนในประเทศตั้งการ์ดสูง ในการป้องกันไวรัส โควิดมาตลอด

ในตอนท้ายนี้อ.ไข่ได้ฝากกำลังใจ ถึงคนบันเทิงทุกๆส่วนว่า ขณะนี้ ตนเป็นตัวแทนของสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทยเข้าไปพูดคุยกับทางภาครัฐเพื่อดำเนินการเยียวยาไม่ว่าจะเป็นให้คนบันเทิงได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนรวมทั้งมาตรการผ่อนปรนในจังหวัดพื้นที่สีเขียว ที่ไม่มีการติดเชื้อโควิดในรอบ 28 วัน ให้สถานประกอบการสามารถเปิดดำเนินการได้

เป็นอีกหนึ่งความหวังให้กับวิชาชีพและคนบันเทิง ได้สามารถมีสถานที่มั่นคง และเดินหน้าผ่านวิกฤตที่รุนแรงที่สุดไปได้.