ขนอมกับสิ่งมหัศจรรย์ 7+1

ให้ลองทายว่า ถ้าพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปด จะนึกถึงอะไรกันได้บ้าง

ถ้าให้ใกล้เคียงขึ้นอีกนิด ถ้าให้เดาเป็นบุคคล นึกถึงใครบ้างไม๊คะ ?


จริงๆ ก็ไม่ได้คิดว่าจะนำท่านนี้มารวมในความเป็นสิ่งมหัศจรรย์ได้ ถ้าไม่ได้มีเหตุการณ์อันน่าประทับใจเกิดขึ้นกับตัวเอง
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปร่วม งานวิ่ง ที่ขนอมในช่วงเช้ามืด

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

และ แน่นอน ห้ามพลาดกับ “ขนอมเฟสติวัล” ในช่วงภาคค่ำ ถือว่าเป็นงานใหญ่ของอำเภอนี้เลยก็ว่าได้ ทุกปีจะมีคนมาร่วมงานเป็นหมื่นเพื่อรอชมคอนเสิร์ตของศิลปินระดับแนวหน้า และแน่นอนว่าต้องได้พบกับวงบอดี้แสลม
จริงๆ พี่ตูนมาร่วมงานวิ่งกับพวกเราตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งถ้าจะให้พี่ตูนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ก็น่าจะเป็นไปได้

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

แต่เรามีเฉพาะเจาะจงมากกว่านั้น -บุคคลในพื้นที่-

จริงๆ เราก็เห็นบุคคลท่านนั้นในช่วงเช้ามืดบนเวทีเช่นกัน แล้วมาเจออีกทีตอนช่วงนั่งดูคอนเสิร์ต

ต้องเกริ่นนิดนึงว่าเราได้ไปร่วมงาน ขนอมเฟสติวัล โดยความอนุเคราะห์จากเพจอีจัน การเดินทางไปงานจากที่พัก มีน้องๆ ที่ไปด้วยกันขับรถมารับที่โรงแรม ซึ่งตามระยะทางแล้ว ห่างกันประมาณ 2.2 กิโลเมตร ตามระยะขจัด แต่ตอนนั้น ความที่รถและคนเยอะ ก็ไม่ได้สังเกตรายละเอียดข้างทาง และยังคิดในใจว่าถ้าเราเบื่อซะก่อนงานจบ อาจจะเดินกลับมาเอง เพื่อความอุ่นใจ ก่อนออกจากโรงแรม ก็เช็คอินกันสักนิด จะได้มีชื่อกับตำแหน่งเอาไว้กันพลาด


คาดไม่ถึงเพราะไม่เคยมา คนเยอะมาก มาจากทุกสารทิศเพื่อมาร่วมงานนี้ งานเริ่มตั้งแต่ช่วงเย็น พวกเราไปกันตอนสองทุ่มและ กว่าคอนเสิร์ตพี่ตูนจะได้เล่นจนกระทั่งเสร็จสิ้น ก็เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน


เราเกรงใจน้องๆ ที่ยังสนุกอยู่ในงาน ก็บอกน้องว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพี่หาทางกลับเอง มั่นใจว่าสบายมากเพราะทางโรงแรมบอกมาว่ามีรถสองแถวบริการฟรีทั้งคืน ผ่านหน้าโรงแรมซะด้วยสิ จะว่าย่ามใจก็ได้ ถึงไม่มีรถก็เดินกลับได้ สบายมาก คิดอย่างนั่นจริงๆ ตอนแรก

หลังจากเดินออกมาจากงาน แบบไม่มีเงินติดตัวสักบาท แถมแบตเตอรี่ในโทรศัพท์ก็โชว์ว่าเหลืออีก 14%
ช่วงที่ไปยืนรอรถตรงตำแหน่งที่มีคนรออยู่แล้ว หลังจากวงพี่ตูนจบ เราเห็นคนทยอยออกมาจากงานเยอะมาก ทั้งรถทั้งคนคราคร่ำอยู่บนถนน แต่ก็ไม่เห็นมีรถสองแถวผ่านมาสักคัน ตอนนั้นก็เริ่มสอบถามคนที่รอรถพร้อมกับเราแล้ว เค้าบอกว่าเดี๋ยวก็น่าจะมา
ระหว่างนั้นเราก็เช็ค GPS ระยะทางจากตำแหน่งที่เรายืนไปโรงแรม เพื่อประมาณการคร่าวๆ ว่าถ้าจะต้องเดิน จะนานแค่ไหน ปรากฏว่าในแอปบอกว่า 6.5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นไปไม่ได้


เราลองพยายาม เช็คเท่าไหร่ ก็ไม่ได้น้อยกว่าระยะทางนี้เลย ตอนนั้นใจไม่ค่อยนิ่งแล้ว คิดในใจว่าเรานั่งมาไกลขนาดนี้เลยเหรอ จำพลาดไปได้ยังไง
แล้วก็เริ่มถามคนแถวนั้น รวมถึงคนขี่รถจักรยานยนต์ด้วยว่า รู้จักโรงแรมชื่อนี้รึเปล่า แต่ก็ได้รับการส่ายหน้าหมด
ระหว่างรอช่วงนึงเราเห็นคนที่รอรถสองแถวแห่ไปโบกรถกระบะ เจ้าของรถกระบะเป็นผู้หญิง เค้าใจดีจะไปส่งคนกลุ่มนั้น แต่พอเราเอ่ยชื่อโรงแรม เค้าก็ส่ายหน้า ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ เราตอบเค้า แล้วในใจก็คิดว่าเค้าไม่น่าจะใช่คนในพื้นที่
แม้จะแน่ใจว่าโรงแรมไม่ไกล แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงหลงทางในตอนนั้น


ตัดสินใจอีกครั้งมารอรถสองแถวที่เดิม…ในใจเรายังมั่นใจว่าต้องผ่านมาสักคัน ….รอจน รถคันที่ 100 ผ่านไป ก็ยังไม่เห็นรถสองแถวสักที
จำไม่ได้ว่าตัวเองอธิษฐานอะไร จู่ๆ ก็เห็น รถคันสีครีม ผ่านมาตรงหน้า จอดตรงหน้าเลย เพราะรถติด กระจกข้างตรงผู้โดยสารเปิดอยู่ แล้วก็เห็นคนคนนึงโบกมืออยู่ในรถ ใช่ๆ เรารู้จักเค้า ชื่อๆ นึงดังขึ้นในหัวเรา จำไม่ได้แน่ๆ ว่าประโยคแรกพูดว่าอะไร แต่ที่จำแม่นคือ -หนูขอนั่งไปด้วยเพื่อไปลงที่โรงแรมได้ไม๊คะ-
คำตอบคือ ขึ้นมาเลย แล้วคนที่อยู่ด้านหน้าข้างคนขับรถก็รีบมาเปิดประตูให้ทันที
ทุกอย่างรวดเร็วมาก เราไม่รู้ว่ากล้าพูดไปได้ยังไง แต่ที่แน่ใจคือรู้สึกโล่งมาก
พอขึ้นไปบนรถ แล้วบอกชื่อโรงแรมไป ไม่มีใครในรถรู้จักเลย

ทำไงดี

ตอนนั้นแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 12% กับ ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร เช่นเดิม … มันไม่ใช่แล้ว
ยอมรับซื่อๆ ว่าใจไม่ดีมากๆ ไม่ได้เพราะกลัว แต่เพราะความกังวลว่าทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย
บุคคลท่านนั้นบอกเราว่าไม่ต้องกลัวนะ ยังไงเค้าก็จะส่งให้ถึงที่หมาย หลังจากนั้นเค้าต้องกลับไปโรงพยาบาลเพื่อไปรักษาตัวต่อ
เพื่องานจังหวัด ช่วง 2 วันนี้ เค้าต้องฉีดยา แต่น่าจะเพราะฤทธิ์ยาสงสัยจะแรงเกินไป เลยรู้สึกบางอย่าง ต้องรีบกลับไปโรงพยาบาลคืนนี้เลย (เช้ามืดของวันใหม่)

ในขณะที่คนขับขับไปตามถนน ซึ่งเป็นเส้นหลัก ตาเราก็มองด้านขวาหาโรงแรม แนวชายหาด แต่เรากลับหาโรงแรมไม่เจอ ไฟถนนก็มืดมาก รู้สึกเกรงใจก็เกรงใจ …แล้วก็เลยไป จนพ้นเขตแนวทะเล ตอนนั้นเราตัดสินใจขอให้พี่ที่ขับรถ กลับรถ เพราะคิดว่า ผิดแน่ แล้วก็โทรหาน้องๆ ที่ยังอยู่ในงานเพื่อถามถึงชื่อโรงแรมอีกครั้ง ทุกคนยืนยันว่าถูกต้อง เช็ค แบตเตอรี่โทรศัพท์อีกครั้งเหลือ 6% …..

ในช่วงที่เราคุยกับน้อง บุคคลท่านนั้นไม่ได้ทำเสียงผิดปกติอะไรเลย ท่านนิ่งมาก พยายามบอกเราว่าไม่ต้องกลัวนะ ยังไงเค้าก็จะไปส่ง
พอตัดสินใจกลับรถ อยู่ๆ ตำแหน่งของโรงแรม ที่เราเช็คอินจากเฟสบุ๊ค ก็เคลื่อนที่ ….ระยะขจัดเปลี่ยนเฉย คราวนี้ตำแหน่งไม่เพี้ยน มันอยู่จากตำแหน่งที่เราเลยไปประมาณ สองกิโลเมตร จนคนขับสงสัยว่ามันคือทางที่ผ่านมาเมื่อกี้นะครับ ซึ่งเราก็รู้แต่เมื่อกี้มันไม่เห็นจริงๆ


พอตัดสินใจกลับรถ ขับมาถึงหน้าโรงแรม ทุกคน งง ว่า ผ่านไปได้อย่างไร ทางเข้าโรงแรมกว้างขวาง หรือเป็นที่แสงไฟสีเหลืองทำให้มองไม่ชัด
ตอนเราลงจากรถ บุคคลท่านนั้นให้พรเราเต็มที่ พอร่ำลาเสร็จแบตเตอรี่เราเหลือ 2% น้องๆ โทรหาเพราะเป็นห่วงบอกว่าพี่อยู่ไหน เดี๋ยวพวกผมไปรับตอนนี้เลย แบบรู้สึกผิดที่ยอมให้เรากลับเอง เราก็แค่บอกว่าถึงแล้วๆ


ความที่ยังไม่หายสงสัย เราเดินเข้าไปล็อบบี้ ถามพนักงานว่า โรงแรมมีสาขาอื่นอีกเหรอ คือเลยเส้นนี้ไป ทางเข้าเมือง คำตอบคือ มีที่เดียวค่ะ ตามในรูปที่เช็คอินในมือถือพี่เลยค่ะ


…เราไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ รู้แต่ว่าเมื่อกลางวันไปดูสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 ของขนอมจนเสร็จ ถ้าจะมีอะไรดลใจให้เจออีกสักสิ่งก็ขอนับบุคคลท่านนี้รวมเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่แปด (ในใจเรา) เลขแปดถือว่าเป็นเลขมงคลเลขนึงตามความเชื่อของเราเอง

หรือเป็นเพราะที่ขอพรไว้ตรงตำแหน่งหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด….


ไม่กล้าถ่ายภาพท่านมาตรงๆ ตอนอยู่ในรถ แต่ก็แอบขอภาพด้านหลังไว้เป็นที่ระลึกนะคะ ขอบพระคุณสำหรับบทสวดโพชฌงค์คปริต ที่ท่านนำสวดให้พวกเราก่อนวิ่งเมื่อเช้านี้ด้วยค่ะ

ภาพจากอีจัน


นอกจากนี้ขอขอบพระคุณในสิ่งดีๆ ที่ท่านส่งผ่านมาให้หนูนะคะ จะด้วยความบังเอิญ หรือไม่บังเอิญในความคิดของตัวเอง หนูขอส่งต่อสิ่งดีๆ นี้ให้แก่บุคคลท่านอื่นต่อไปและขอให้ท่านหายป่วยในเร็ววันนะคะ


ขอบคุณเพจอีจัน ที่ทำให้ได้ไปสัมผัส 7+1 สิ่งมหัศจรรย์ในขนอม …นะคะ

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

เขียนโดย ศรีสุดาอีจัน