กยศ. ชี้ ยกเลิกหนี้ เป็นการตัดโอกาสคนรุ่นใหม่

กยศ. ชี้ ยกเลิกหนี้ ไม่ใช่ทางออกการแก้ปัญหาเข้าถึงการศึกษา แต่เป็นการตัดโอกาสการศึกษาคนรุ่นใหม่

หลังจากที่เมื่อวานนี้ (18 ส.ค.65) แฮชแท็ก #ล้างหนี้กยศ. ซึ่งเป็นกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ เนื่องจากมีกระแสล่า 10,000 รายชื่อเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมาย หนี้ กยศ. โดยให้ยกเลิกหนี้คงค้างคนที่เรียนจบครบ 2 ปี ให้รัฐบาลเข้ามาเป็นลูกหนี้แทน ชี้ รัฐบาลควรร่วมผลักดัน “เรียนฟรีต้องฟรีจริง” เป็นสวัสดิการถ้วนหน้า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พร้อมทั้งล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งมีความเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ล้างหนี้ กยศ. ติดเทรนด์ทวีต โซเชียลเสียงแตกฟาดกันสนั่น

วันนี้ (19 ส.ค.65) นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กองทุนเป็นหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการในลักษณะทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้มีการแสวงหาผลกำไร เพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับนักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์โดยการให้กู้ยืมเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ต่อปี และให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 15 ปี

ปัจจุบันมีผู้กู้ยืมได้รับโอกาสทางการศึกษาไปแล้ว 6,217,458 ราย เป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 696,802 ล้านบาท และกองทุนมีเงินหมุนเวียนจากการชำระคืนกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้กองทุนมีเงินให้นักเรียน นักศึกษารุ่นน้องกู้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นมา โดยในปีการศึกษา 2565 กองทุนได้เตรียมเงินกว่า 38,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้กู้ยืมจำนวนกว่า 600,000 ราย

นายชัยณรงค์ บอกว่า ที่ผ่านมากองทุน กยศ. เป็นหน่วยงานที่ให้โอกาสและช่วยเหลือผู้กู้ยืมมาโดยตลอด ซึ่งการยกเลิกหนี้ กยศ. ไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาการเข้าถึงการศึกษา นอกจากจะส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินแล้วยังส่งผลต่อบรรทัดฐานของสังคมด้านความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบและวินัยทางการเงินของคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นอนาคตของประเทศ

ขณะนี้มีผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างชำระหนี้จำนวน 3,458,429 ราย เป็นยอดหนี้คงเหลือจำนวน 337,857 ล้านบาท หากยกเลิกหนี้ดังกล่าวจะทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา กองทุนอยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎหมายให้มีความผ่อนปรนและช่วยเหลือลดภาระของผู้กู้ยืม โดยจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ การแปลงหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระและลดอัตราเบี้ยปรับให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น

และในขณะนี้กองทุนได้ขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ช่วยเหลือผู้กู้ยืมต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ดังนี้

-ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปีสำหรับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี

-ลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเหลือ 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้

-ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้และต้องการปิดบัญชีในคราวเดียว

-ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ยืมทุกกลุ่มที่ชำระหนี้ปิดบัญชี

-ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ (ไม่ค้างชำระ)

นอกจากนี้ กองทุนได้มีมาตรการชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี ชะลอการบังคับคดีไว้ เว้นแต่คดีที่จะใกล้ขาดอายุความ และงดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้กู้ยืม และ/หรือผู้ค้ำประกันอีกด้วย

คลิปแนะนำอีจัน
น้องเล่นได้สมบทบาท สอนทหารใหม่ CPR