ปิดยังไงก็ไม่มิด ! ตำรวจ จับขบวนการค้าเกล็ดนิ่มข้ามชาติ

ตำรวจ ร่วมกับ ปทส. จับขบวนการค้าเกล็ดนิ่มส่งออกข้ามชาติ ขนดินปลูกกัญชาบังหน้า รับได้เงินเที่ยวละ 20,000 บาท

ล่า “ตัวนิ่ม” แกะเกล็ด ยัด 42 กระสอบ หนัก 1.4 ตัน

ส่งออกค้าข้ามชาติ ทำยา มูลค่า 50 ล้าน !!!

ตำรวจจับกุม จับกุม นายธนากร อายุ 34 ปี และ นายรุ่ง อายุ 50 ปี

พร้อมตรวจยึดของกลาง คือ เกล็ดนิ่ม 42 กระสอบ น้ำหนักรวม 1,400 กิโลกรัม และรถบรรทุก 6 ล้อ โดยจับกุมได้ที่ ริมถนนทางหลวง 2046 ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์

การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่พบว่ามีการลักลอบค้าสัตว์ ผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้น และมีรูปแบบเป็นขบวนการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงร่วมกับ กองบังคับการตำรวจทางหลวง หน่วยงาน U.S. Fish and Wildlife Service (องค์การบริหารปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ เป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐภายในกระทรวงมหาดไทยสหรัฐ) ทำการสืบสวน จนทราบว่า มีกลุ่มคนร้ายมีพฤติกรรมลักลอบค้าเกล็ดตัวลิ่น หรือ ตัวนิ่ม โดยมีการลำเลียงจากทางพื้นที่ภาคใต้ แล้วขนส่งไปยังพื้นที่ชายแดนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สาม

จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้าย มีการใช้รถยนต์ลำเลียงขนเกล็ดตัวนิ่ม ผ่านพื้นที่ภาคกลาง ไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงประสานไปยัง ตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง และ กองกำกับการการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เข้าทำการสกัด จนสามารถทำการจับกุมคนร้ายได้เมื่อวันที่ 16 ส.ค.66 เวลา 20.30 น.

รถคันนี้ มีผ้าใบปกคลุมสิ่งของที่บรรทุกมา เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัว เรียกให้หยุดรถ เพื่อขอทำการตรวจสอบ พบนายธนกร เป็นคนขับ และนายรุ่ง นั่งโดยสารข้างคนขับ ชุดจับกุมสอบถามบรรทุกอะไรมา ทั้ง 2 คนตอบว่า ดินปลูกต้นกัญชา กำลังจะนำส่งลูกค้าในจังหวัดมุกดาหาร เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้น

จากการตรวจสอบพบ เกล็ดตัวนิ่ม บรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ย จำนวน 42 ถุง ประมาณน้ำหนักรวม 1,400 กิโลกรัม โดยมีกระสอบบรรจุดินสำหรับปลูกพืชปิดทับอำพรางไว้ ซึ่งนายธนากร อ้างว่า ได้รับค่าจ้าง 7,000 บาทต่อเที่ยว มีหน้าที่ช่วยกันขับรถมาส่งสินค้า

ส่วนนายรุ่ง เป็นเจ้าของรถโดยได้ค่าจ้าง 20,000 บาทต่อเที่ยว โดยรับสินค้าดังกล่าวมาจากริมถนนในจังหวัดราชบุรี เพื่อนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มผู้ว่าจ้างรอรับที่จังหวัดมุกดาหาร ลักษณะการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งถือว่าเป็นขบวนการค้าเกล็ดนิ่มรายใหญ่ในพื้นที่ประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยแจ้งข้อกล่าวหา “ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562

เจ้าหน้าที่ประเมินมูลค่าความเสียหาย เกล็ดตัวนิ่ม หากสามารถส่งออกต่อไปยังประเทศที่สาม ราคาจะสูงขึ้นไปหลายเท่าตัว เบื้องต้นราคากิโลกรัมละ 40,000 บาท มูลค่าความเสียหายในการจับกุมครั้งนี้ประมาณ 50 ล้านบาท

ทั้งนี้เกล็ดตัวนิ่ม เป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทยและเป็นสัตว์ป่าในบัญชี 1 ตามอนุสัญญาไซเตส (อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ( The Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora.. (CITES) ) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อนุสัญญาวอชิงตัน ( Washington Convention ) ประเทศไทยเป็นสมาชิกลำดับที่ 80 โดยลงนามรับรอง อนุสัญญาในปี 2518 และให้สัตยาบันในวันที่ 21 มกราคม 2526 ซึ่งลิ่น หรือ นิ่มพันธุ์มลายู Manis javanica เป็นสัตว์ป่าในบัญชีหมายเลข 1 โดยประเทศที่อยู่ในภาคีต้องอนุวัตตามอนุสัญญาดังกล่าว ห้ามส่งออก นำเข้า หรือครอบครอง เว้นแต่ เป็นกรณีศึกษาวิจัย คดีนี้พบของกลางเป็นเกล็ดลิ่ม จำนวนมากน่าจะเป็นเกล็ดลิ่นหลายพันตัวถูกล่า นำมาเป็นอาหารและนำเกล็ดไปเป็นส่วนประกอบของยาในบางประเทศ อันมีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์เป็นอย่างมาก