แม่คาใจ หมอบอก ลูกตาย เพราะ เลือด และ น้ำท่วมปอด

แม่คาใจ ลูกไม่สบาย หมอตรวจบอก ปอดโล่ง นอนโรงพยาบาลคืนเดียว ลูกตาย หมอชี้เหตุเพราะ เลือด และ น้ำท่วมปอด

แม่คาใจ ลูกไม่สบายไข้สูง นอนโรงพยาบาลคืนเดียว…ลูกตาย!

วานนี้ (7 ก.พ. 66) แม่รายหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หลังเธอต้องสูญเสียลูกชายไปไม่หวนกลับ

โดยระบุข้อความว่า 

“จากเหตุการณ์ที่ลูกของเราได้เสียชีวิตลงในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 66 ที่ผ่านมานี้นะคะ ทำให้เรามีข้อสงสัยและค้างคาใจกับสาเหตุการเสียชีวิตของลูกมากมายเลยค่ะ เราจึงอยากจะมาเล่า แชร์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนได้ร่วมพิจารณาดูว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันน่าสงสัยและค้างคาใจเหมือนเรามั๊ยนะคะ

เราไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่ หรือกล่าวหาใคร เราแค่สงสัยในสาเหตุการเสียชีวิตของลูกเราค่ะ

ลูกเราไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีแพ้ยาค่ะ”

แม่รายนี้ได้โพสต์ภาพกระดาษ 4 แผ่นที่เธอใช้บรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียง 1 คืน ก่อนที่ลูกจะเสียชีวิต เนื้อความในกระดาษใจความว่า

เหตุการณ์ก่อนที่จะเสียชีวิต

วันที่ 2 ก.พ. 66 

-13.00 น. แม่พาน้องไปหาหมอที่สถานีอนามัย เมื่อไปถึง หมอประเมินอาการเห็นน้องซีดและดูหายใจเหนื่อย มีไข้ประมาณ 37.8 ให้กินยาลดไข้แล้วจึงส่งตัวไปโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง

-14.30 น. ถึงโรงพยาบาล น้องเข้ารับการตรวจที่ห้องฉุกเฉิน หมอบอกน้องดูซีด เจาะเลือดและเอาหูฟังมาตรวจ ก่อนจะบอกว่า ปอดโล่ง ออกซิเจนต่ำ จึงใส่สายออกซิเจน ส่งเอกซเรย์ปอด เข้าตึกนอน ไม่มีไข้ ไอ น้ำมูก

ถึงตึกนอน ให้น้ำเกลือ หายใจเหนื่อยเล็กน้อย ไม่มีภาวะหายใจปีกจมูกบาน ไม่มีปลายมือปลายเท้าเขียว ทานอาหารได้ นอนได้ปกติ

(อาการจมูกบาน คือ ภาวะที่รูจมูกขยายใหญ่ขึ้นขณะหายใจ เป็นสัญญาณของภาวะหายใจลำบาก หรือการพยายามลดแรงต้านของหลอดลมด้วยการขยายช่องเปิดของรูจมูก ภาวะนี้มักพบได้บ่อยในเด็กและทารก ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาบางอย่างของระบบทางเดินหายใจ)

ช่วงกลางคืน เจ้าหน้าที่เข้ามาให้ยาฆ่าเชื้อ แต่ไม่ได้แจ้งอะไร หรืออธิบายอะไรให้แม่ แต่น้องนอนได้ ไม่มีไข้ ไอ น้ำมูกใดๆ เลย ส่วนเหตุการณ์เรื่องซีด พยาบาลแจ้งว่า มีความเข้มข้นของเลือดน้อย ให้ญาติไปบริจาคเลือดเพราะหมอจะเติมเลือดให้น้อง

วันที่ 3 ก.พ. 66

-06.00 น. พยาบาลมาตรวจดูอาการ บอกว่า น้องไม่มีไข้ ปอดโล่ง แต่น้องดูเหนื่อยและออกซิเจนต่ำ ประมาณ 86 – 87 % พยาบาลโทรบอกหมอ หมอเลยให้เพิ่มออกซิเจน จากตอนแรก 3 ลิตร เป็น 5 ลิตร น้องก็ดูหายใจดีขึ้น วัดออกซิเจนได้ 99 – 100 %

-09.00 – 10.00 น. หมอมาตรวจและบอกว่าถ้าวันนี้เลือดมาถึงก็จะเติมเลือดให้น้อง

-13.00 น. น้องเริ่มมีไข้ 37.8 แต่น้องยังทานข้าวได้ นั่งดูการ์ตูนในโทรศัพท์ได้ แม่สังเกตว่าเวลานอนน้องจะหายใจเหนื่อยๆ แต่เวลานั่งจะหายใจสบายขึ้น

-16.30 น. หมอเข้ามาดูอาการ บอกว่าน้องหายใจเหนื่อย มีอาการปีกจมูกบาน หมอจึงให้ไปเอกเรย์แล้วเจาะเลือดอีกครั้ง 

จากนั้นหมอบอกจะส่งตัวน้องไปโรงพยาบาลจังหวัด ซึ่งหมอที่โรงพยาบาลจังหวัดให้ใส่ท่อหายใจก่อนแล้วค่อยส่งตัวมา

ตอนนั้นความคิดแม่คือ ลูกถึงขั้นที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจแล้วเหรอ จึงถามหมอ หมอตอบต้องใส่ เพราะหมอที่ โรงพยาบาลจังหวัดบอกให้ใส่ และป้องกันเผื่อน้องหายใจไม่สะดวกระหว่างทาง แม่เลยตกลง

(ด้วยเราไม่รู้ ไม่มีประสบการณ์ ในการใส่ท่อช่วยหายใจ แม่เลยคิดว่าลูกไม่เป็นอะไรมาก และหมอก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้แม่ฟัง)

-17.46 น. หมอเริ่มใส่ท่อช่วยหายใจให้น้อง สักพักหมอหันมาบอกพยาบาลว่า ใส่ได้แล้ว พยาบาลเลยเอาที่เหมือนบอลลูน / ลูกโป่งมาใส่ที่ท่อ แต่เลือดออกที่ท่อเยอะ พอเลือดออก พยาบาลอีกคนก็เอาสายมาดูดไป เป็นแบบนี้ 3-4 ครั้ง พอแม่เห็นว่ามีเลือดออกเยอะ และลูกดูทรมานเพราะหมอมัดมือมัดเท้าหมอ ลูกดิ้นไม่ได้ แต่น้องพยายามดิ้น พยายามส่ายหัว และดูเหมือนจะสลบเป็นพักๆ และพยาบาลจะคอยปลุกพูดว่า “ตัวเล็ก ตื่นๆ” อยู่บ่อยครั้ง คือน้องไม่รู้สึกตัวแล้วพยาบาลจะเรียก และเขย่าตัว เคาะที่แก้ม แล้วน้องจะลืมตา พอน้องสลบ พยาบาลจะปลุกใหม่ 

แม่เห็นอาการน้องเป็นแบบนี้เลยเข้าไปห้ามแล้วบอกว่า “ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจได้มั๊ยคะ ดูเหมือนน้องเหนื่อยมากเลย ไม่ใส่แล้วได้มั๊ย” 

พยาบาลหันมาบอกว่า “ไม่ได้ค่ะ ต้องใส่ ถ้าไม่ใส่ เกิดลูกแม่หยุดหายใจ หายใจไม่ออก น้องก็จะตาย แม่ออกไปค่ะ”

(ในตอนนั้นแม่ไม่ได้โต้เถียงอะไรกับพยาบาล และก็ขยับออกมาข้างนอกอีกนิดหนึ่ง แต่ในหัวของเราคิดอยู่ตลอดว่า ลูกก็ยังหายใจได้ แค่ใส่ออกซิเจนก็พอ ก็ยังไปถึงโรงพยาบาลจังหวัดได้)

ช่วงที่พยาบาลไล่แม่ออกมา ก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนพาแม่ไปชำระเงินที่การเงิน เพราะเรากำลังจะย้ายโรงพยาบาล

แม่ลงไปที่การเงิน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นแม่ก็มาดูน้องอีกครั้ง ตอนนั้นเวลาประมาณ -18.25 น. หมอก็เข้ามาคุยกับแม่ว่า น้องมีภาวะน้ำท่วมปอด และมีเลือดออก เลือดท่วมปอดหมดแล้ว และมีอาการแย่ 50/50 

แม่เลยถามว่า “มันจะเป็นไปได้ยังไง ก่อนใส่ท่อหมอยังบอกว่าปอดโล่ง พอใส่ท่อแล้วน้องแย่ หมอก็บอกมีน้ำท่วมปอด มันเป็นไปได้ยังไง”

แล้วพยาบาลก็มาบอกให้แม่ขยับออกไป เพราะกำลังช่วยชีวิตน้องอยู่ แม่เลยถามไปอีกครั้ง “แม่ส่งน้องไปโรงพยาบาล… ของเอกชนแทนได้มั๊ย”

พยาบาลตอบ “ไม่ทันแล้วค่ะ ตอนนี้น้องอาการแย่ โรงพยาบาลเอกชนไม่รับแล้ว ต้องไปโรงพยาบาลจังหวัดเท่านั้น”

แม่ถาม “แล้วทำไมยังไม่ไปอีกล่ะคะ”

พยาบาลตอบกลับ “รอพยาบาลที่จะประจำรถพยาบาลไปด้วยอยู่ ตอนนี้ยังติดต่อหาพยาบาลที่จะไปด้วยไม่ได้”

หลังจากพูดเสร็จพยาบาลก็ให้แม่ออกมารออยู่ห่างๆ จากนั้นอีก 30 นาที หมอก็มาแจ้งว่า น้องหัวใจหยุดเต้นแล้ว แต่จะปั๊มหัวใจให้ 30 นาทีถ้าไม่ได้ก็คือ น้องเสียชีวิต

แล้วหมอก็ให้แม่ไปคุยกับหมอที่ห้องพักหมอ 

บทสนทนาระหว่างแม่กับหมอ

แม่ “ก่อนที่จะใส่ท่อ หมอยังบอกว่าลูกปอดโล่งอยู่เลย แล้วทำไมพอใส่ท่อแล้วน้องอาการแย่ หมอถึงมาบอกว่าน้ำกับเลือดท่วมปอด เป็นเพราะหมอใส่ท่อไม่ดี ใส่ไม่เป็นหรือเปล่า เลือดเลยออกและท่วมปอด”

หมอ “หมอใส่เป็น หมอมีประสบการณ์ในการใส่” 

แม่ “แล้วทำไมน้ำถึงท่วมปอด เลือดถึงท่วมปอด น้ำกับเลือดมาจากไหนคะ”

หมอ “น้องมีอาการน้ำท่วมปอดก่อนหน้านี้แล้วนะแม่ ผลเอกซเรย์ก็เห็น” 

แล้วหมอก็เปิดคอมให้ดูผลเอกซเรย์ ชี้ให้ดู

แม่ “ถ้ามีน้ำในปอดก่อนหน้านี้ แล้วทำไมหมอไม่บอก ทำไมทั้งหมอทั้งพยาบาลทุกครั้งที่มาตรวจถึงบอกว่าปอดโล่ง”

หมอ “คือ น้องมีอาการปอดติดเชื้อด้วยไงแม่”

แม่ “แล้วทำไมหมอไม่เห็นบอกเลยว่ามีปอดติดเชื้อด้วย หมอบอกแต่ปอดโล่ง พอมาใส่ท่อแล้วน้องแย่ก็บอกว่าเพราะติดเชื้อและน้ำท่วมปอด”

ตอนนั้นเหมือนหมอจะตอบประมาณว่า หมอเพิ่งเข้าเวรมา หมอมาต่อจากคนที่เพิ่งออกไปตอน 16.00 น. สมองแม่เบลอไปหมดเลยเอาโทรศัพท์ให้หมอคุยกับแฟนซึ่งถือสายรออยู่ แล้วแม่ก็ออกไปดูน้องที่พยาบาลกำลังช่วยปั๊มหัวใจอยู่ 

และหมอเข้ามาบอกให้พยาบาลหยุดปั๊มเพราะเวลาผ่านไป 30 นาทีแล้ว หมอก็ได้แจ้งว่า ลูกเสียชีวิตแล้วจริงๆ เวลา 19.00 น.

หลังหมอถอดอุปกรณ์ทุกอย่างออกไปหมดแล้ว แม่ได้เข้าไปกอดน้อง ในตอนนั้นเลือดออกจากปากน้องเยอะมากๆ เลอะเสื้อผ้าของแม่และผ้าที่ใช้ห่อน้องตอนนั้นก็เลอะเลือดเต็มไปหมด

การจากไปของลูก หมอแจ้งว่ามีสาเหตุมาจาก น้ำและเลือดท่วมปอด ซึ่งสาเหตุที่หมอบอกมานั้นทำให้แม่คาใจ เธอจึงตัดสินใจนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโพสต์ เล่า แชร์ ให้ทุกคนได้อ่าน ว่ามีใครคาใจอย่างเธอบ้าง แล้วใครจะตอบคำถามเธอได้ คงต้องรอทางโรงพยาบาลที่ได้รักษาเด็กน้อยรายนี้ออกมาชี้แจงกับเรื่องนี้ต่อไป

แต่ไม่ว่าอย่างไร ลูกชายตัวน้อยของเธอก็ไม่ตื่นมากอดเธอได้อีกแล้ว

อีจันขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยนะคะ

คลิปอีจันแนะนำ
แกะรอยจากคำบอกเล่าเด็ก 8 เดือนหายปริศนา