วงการบันเทิงและวงการนาฏยสังคีตไทย สูญเสียครูระดับปรมาจารย์ ที่มีคุณค่าต่อศิลปะและวัฒนธรรมไทยอีกหนึ่งคนไปแล้ววันนี้ (5 พ.ย. 65)
เมื่อเฟซบุ๊กของ สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา กรมศิลปากร ได้โพสต์ข้อความอาลัย ต่อการจากไปของ “ครูมืด-ประสาท ทองอร่าม” ปรมาจารย์แห่งการนาฏยสังคีตไทย ในวันนี้
ครูมืด ถือเป็นอีกหนึ่งปรมาจารย์ด้านวัฒนธรรม ศิลปินด้านศิลปะวัฒนธรรมไทย มายาวนาน เราจะรู้จักครูในฐานะ ครูโขน ผู้มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 50 ปี ทั้งในวงการแสดง และวงการนาฏศิลป์ไทย ทั้งการแสดง การสอน ถือเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าคนหนึ่งของบ้านเรา นอกจากนี้ ครูมืด ยังเคยได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติด้านดนตรี และ ศิลปิน ประจำปี 2563 สาขา บุคคลต้นแบบผู้ทรงคุณวุฒิ ทางด้านดนตรีและศิลปะการแสดง โดย หออัครศิลปิน Hall Of Jazz ด้วย
ครูมืด เป็นที่รู้จักของคนไทย ในฐานะ ครูโขน แต่นอกจากในเรื่องของโขนแล้ว ครูมืด ยังมีความสามารถในเกือบจะทุกด้านของวงการนาฏศิลป์ไทย และยังมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ถือเป็นหนึ่งในบรมครู ที่นักแสดงหลายๆคนเคารพนับถือ
ครูมืดเคยเล่าไว้ในหลายๆรายการว่า ครูเกิดในสลัมพ่อของครูมีอาชีพถีบสามล้อ แม่ขายข้าวแกง ปู่มีอาชีพเป่าปี่งานศพ ตัวครูเองเองก็จะไปคลุกคลีอยู่กับท่านที่วัดพระพิเรนทร์ ถนนวรจักร ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งแหล่งรวมศิลปะทุกแขนง เพราะจะมีถนนหลายสายของแหล่งศิลปะเชื่อมโยงถึงกันอยู่ พอได้อยู่กับพวกโขน ละคร ลิเก ปี่พาทย์ ก็เลยได้ความรู้ด้านดนตรีมา และก็ศึกษามาเรื่อยๆ จนได้มาอยู่กับ อาจารย์เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ศิลปะการละคร) ประจำปี พ.ศ. 2531 จึงเรียนรู้และสืบทอด ศิลปะการแสดงนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ครูมืดเคยให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่งว่า ชีวิตตนผ่านอะไรมาเยอะมาก ตนมีภรรยาก็อยู่ด้วยกันจะมีน้อง หมอบอกว่ามีน้อง ตนก็ดีใจมากเลย เพราะตนไม่มีทายาท แต่อยู่ได้สักเดือน สองเดือนได้ข่าวว่าเสียน้องไป มันสะเทือนใจมาก อันนี้มันเป็นวิบากกรรมของตนแน่ ๆ ตนระลึกถึงเสมอว่าเป็นกรรม เคยทำกรรม เคยทำเวรอะไรไว้ จึงทำให้ไม่มีลูก ก็เสียใจมาก พอเสียน้องไปแล้ว มันก็โยงไปทำให้เสียภรรยาไปด้วย
จนถึงวันที่ท่านสิ้น ครูมืดก็ยังครองตัวเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่ท่านมี ก็คือลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ในทุกๆวงการ รวมทั้ง โขน ที่ท่านรักสุดชีวิตนั่นเอง
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวทองอร่ามและเหล่าลูกศิษย์ของครูด้วยนะครับ