รวบ “ยาย-หลาน” ขายบุหรี่ไฟฟ้า-น้ำท่อม หน้าโรงเรียน ทำเด็กหญิง 12 ปอดหาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สตึก บุรีรัมย์ บุกรวบ “ยาย-หลาน” เช่าห้องแถวหน้ารร.ขายบุหรี่ไฟฟ้า-น้ำกระท่อม ทำเด็กหญิง 12 ปอดหาย – ชาวบ้านโอดทุกคนรู้ แต่โรงเรียนไม่รู้?

จากกรณี (20 ก.พ.68) ที่เด็กหญิงวัย 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ดอนมนต์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังจากมีอาการอาเจียนรุนแรง และหายใจหอบเหนื่อย ก่อนผลตรวจทราบว่าปอดของเด็กรายนี้พังเกือบทั้งหมดแล้ว อีกทั้งทราบว่า มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ไฟฟ้ามาตั้งแต่ชั้น ป.4 หรือขณะอายุเพียง 10 ปี และดื่มน้ำกระท่อม

ล่าสุด (21 ก.พ.68) พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เร่งติดตามแหล่งที่มาของการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อม จนกระทั่ง พ.ต.อ.ยุทธนา ไตรทิพย์ ผกก.สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ทำการสืบสวนจนทราบว่า แหล่งที่มาของการจำหน่ายน้ำกระท่อม และบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งอยู่ที่หน้าโรงเรียนดังกล่าว

พร้อมนำกำลังตรวจค้นและจับกุม นางสาวเหลา อายุ 84 ปี และนายดาราวิทย์ อายุ 27 ปี ชาวบ้าน ต.ดอนมนต์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยตรวจพบของกลาง เป็นบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 3 เครื่อง , น้ำต้มใบกระท่อมปรุงรสชาติ จำนวน 41 ขวด , ยาแก้ไอจำนวน 2 ขวด และอาวุธปืนแก๊สแบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก 

โดยทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่า มาเช่าห้อง เพื่อขายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กนักเรียนและวัยรุ่นในหมู่บ้านนี้จริงโดยจำหน่ายไม่เลือกอายุ ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าสั่งมาทางอินเตอร์เน็ต และนำไปโพสต์ขายในกลุ่มลับจนวัยรุ่นในบริเวณนี้รู้จักกันดี 

ขณะที่ชาวบ้าน และวัยรุ่นในหมู่บ้าน ทราบว่า บริเวณหน้าโรงเรียนมีคนมาเปิดร้านขายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้า นานกว่า 2 ปีแล้ว โดยมีทั้งวัยรุ่นและนักเรียนในโรงเรียนซื้อกันเป็นประจำ 

ทั้งนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านหลายคนยังงงว่า ร้านขายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้ามาเปิดในพื้นที่บริเวณหน้าโรงเรียนมานานกว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งชาวบ้านรู้กันหมดแต่ทำไมครูในโรงเรียนไม่รู้ 

โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ร.ต.อ.มานิตย์ ศิริเวช รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก ได้ตั้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อมซึ่งเป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า ขาย ,ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต , จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนและดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป