จากเหตุการณ์พายุโซนร้อน “วิภา” ที่พัดถล่มพื้นที่ภาคเหนือช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ของจังหวัดพะเยา ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งน้ำท่วมบ้านเรือน ถนน และพื้นที่การเกษตร
วันนี้ (25 ก.ค.68) สวท.พะเยา ได้รายงานสถานการณ์น้ำ ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ภาพรวมสถานการณ์ในพื้นที่เริ่มคลี่คลายน้ำลดลงแล้ว สรุปดังนี้
1) จังหวัดพะเยา ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนวิภา 8 อำเภอ 44 ตำบล 225 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 1,700 ครัวเรือน โดยมีแม่น้ำสายหลัก 2 สาย คือ ลำน้ำอิง และลำน้ำยม
ไหลผ่านในพื้นที่ น้ำเอ่อล้นไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ถนน พื้นที่การเกษตร ลำน้ำอิงจะไหลผ่านอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และไหลลงสู่แม่น้ำโขง ส่วนลำน้ำยมจะไหลผ่านไปยังจังหวัดแพร่
2) ปริมาณน้ำกว๊านพะเยา เพิ่มขึ้น ข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ปริมาณน้ำ 39 ล้านลูกบาศก์เมตร (ความจุ 55.65 ล้านลูกบาศก์เมตร) ระบายน้ำออกวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ผ่านลำน้ำอิง
3) พื้นที่อำเภอดอกคำใต้ ได้รับผลกระทบจากลำน้ำร่องสักและลำน้ำร่องช้าง เอ่อล้นไหลท่วมบ้านเรือน โรงเรียน ที่ว่าการอำเภอ ถนน และพื้นที่การเกษตร (นาข้าวหลายร้อยไร่) ลำน้ำทั้งสองจะไหลลงสู่ลำน้ำอิง ภายใน 2-3 วันนี้ จะเข้าสู่ภาวะปกติ อำเภอดอกคำใต้กลับมาเปิดให้บริการประชาชนในวันนี้
4) พื้นที่อำเภอเชียงคำ ยังคงมีน้ำท่วมขังบริเวณรอบโรงพยาบาลเชียงคำ ประมาณ 50 ซม. และลดลงตามลำดับ ทหารใช้รถ GMC บริการรถรับ-ส่งเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยโรงพยาบาลเชียงคำ ภายใน 1-2 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ
5) พื้นที่อำเภอภูซางมีน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากลำน้ำลาว ที่ไหลมาจากอำเภอเชียงคำ ก่อนลงสู่ลำน้ำอิง มีประชาชนในพื้นที่ ต.เชียงแรงได้ความเดือดร้อน 8 หมู่บ้าน 2 หมู่บ้านถูกตัดขาดน้ำท่วมไม่สามารถเดินทางเข้าออกได้ ได้ตั้งโรงครัวพระราชทานในพื้นที่และมอบถุงยังชีพจำนวน 100 ถุง นำเรือท้องแบนเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนแล้วภายใน 2-3 วัน เหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้สั่งการนายอำเภอ (ภูซาง เชียงคำ ปง เชียงม่วน จุน ดอกคำใต้ ภูกามยาว และอำเภอเมืองพะเยา) ประสานกับ อปท.ในพื้นที่ เร่งช่วยเหลือประชาชน และสำรวจความเสียหายอาคารบ้านเรือน สถานที่ราชการ ถนน วัด พื้นที่การเกษตร พร้อมวางแผนทำความสะอาดบ้านเรือน สถานที่ราชการ วัด โรงเรียน โรงพยาบาล หลังจากน้ำลดแล้ว
แม้สถานการณ์น้ำในจังหวัดพะเยา จะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติในหลายพื้นที่ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งฟื้นฟู ซ่อมแซม และช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดค่ะ