ป.ป.ช. เผย พิธา ยื่นค้ำประกันหนี้-ถือหุ้นไอทีวีแล้ว

ป.ป.ช. แจง ‘พิธา’ เคยยื่นแจงค้ำประกันหนี้-ถือหุ้นไอทีวีแล้ว ขอเวลาตรวจสอบเป็นหนี้ก้อนเดียวกันหรือไม่

บรรยากาศการเมืองยังร้อนระอุ โดยเฉพาะเส้นทางไปสู่เก้าอี้ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กำลังเผชิญกับอุปสรรคใหญ่อีกหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน ที่เคยยื่นเอาไว้กับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อเป็น ส.ส.สมัยแรก กับพรรคอนาคตใหม่ และย้ายมาพรรคก้าวไกล ในปี 2562 โดยมีข้อกล่าวหาว่า นายพิธา ไปค้ำประกันหนี้จำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน


ซึ่งเช้าวันนี้ (9 มิ.ย.66) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า จากการตรวจสอบพบว่า นายพิธา เคยยื่นการค้ำประกันเงินกู้เข้ามาแล้ว 1 ก้อน ก่อนหน้านี้ แต่ไม่แน่ใจว่า เป็นก้อนเดียวกันหรือไม่ ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน แต่จากการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใครร้องเรียนเรื่องนี้เข้ามา

ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามว่า เมื่อมีการค้ำประกันแล้วไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินจะมีความผิดหรือไม่นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า การค้ำประกันถือว่ายังไม่มีหนี้ที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพียงสิทธิจากการกู้ยืมเงิน หากลูกหนี้ตัวจริงผิดนัดชำระก็จะไปเรียกจากคนค้ำประกันที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบ

“แต่ตอนนี้ เป็นสิทธิของลูกหนี้กับผู้ค้ำประกันเท่านั้น ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ ป.ป.ช.ต้องพิจารณาว่าจำเป็นต้องยื่นรายการนี้ด้วยหรือไม่ แต่การตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่านายพิธาเคยยื่นมา 1 บัญชีเกี่ยวกับการค้ำประกัน” นายนิวัติไชย กล่าว

ส่วนการยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือการยื่นค้ำประกันในลักษณะดังกล่าวหลังรับตำแหน่ง ส.ส. ต้องยื่นภายหลังหรือไม่นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า หากยื่นบัญชีทรัพย์สินไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้ง เว้นแต่ยื่นในกรณีพ้นจากตำแหน่งภายใน 30 วัน เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า ให้ยื่นเฉพาะรับตำแหน่ง กับพ้นตำแหน่งเท่านั้น แต่ระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง หากมีความผิดปกติ ก็เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ต้องตรวจสอบที่มาของรายได้ และหนี้สิน

ทั้งนี้ นายนิวัติไชย กล่าวว่า การตรวจสอบเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เช่น ถ้ามีการยื่นบัญชีทรัพย์สินเข้ามา ก็ต้องดูว่าเป็นทรัพย์สินจริงหรือไม่ เป็นของใคร ส่วนจะมีปัญหาในภายหลังหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ป.ป.ช.

ส่วน กรณีการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น เป็นชื่อของนายพิธาจริง ถือครองหุ้นอยู่ 4.2 หมื่นหุ้น มูลค่า 4 หมื่นกว่าบาท ซึ่งต้องตรวจสอบอีกครั้งว่า ยื่นมาในฐานะอะไร เนื่องจากมีรายงานว่าเป็นผู้จัดการมรดก โดยตามกฎหมายหากเป็นเจ้าของก็ต้องยื่น

“ส่วนกรณีหากมีการยื่นในภายหลังอาจจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ก็ต้องดูที่เจตนาไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องมีเรื่องเจตนา และระยะเวลา ขณะที่การตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าได้ยื่นบัญชีดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2562 เป็นการยื่นเพิ่มเติมภายหลังเข้ารับตำแหน่งแล้ว ไม่ใช่เป็นการยื่นหลังมีประเด็นแล้ว” นายนิวัติไชย กล่าว

ส่วนการยื่นถือหุ้นของนายพิธา จะต้องระบุประเภทกิจการการหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า มันระบุอยู่ในใบหุ้นอยู่แล้ว

“หน้าที่หรือคุณสมบัติต้องห้าม ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของ ป.ป.ช. แต่ ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องการมีอยู่จริงของทรัพย์สิน ถ้ามีอยู่แล้วยื่นมาก็ถือว่าไม่ได้มีเจตนาปกปิด แต่ถ้ามีแล้วไม่ยื่น ก็ถือว่ามีเจตนาหรือจงใจปกปิด ส่วนหลังตรวจสอบแล้วบัญชีทรัพย์สินนั้นจะขัดกับคุณสมบัติการเป็น ส.ส.หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของ กกต. ซึ่ง กกต.รับทราบและอยู่ระหว่างการพิจารณา” นายนิวัติไชยกล่าว

ขอบคุณที่มา: มติชนออนไลน์

อีจันชวนโหวต
var d=document,w=”https://tally.so/widgets/embed.js”,v=function(){“undefined”!=typeof Tally?Tally.loadEmbeds():d.querySelectorAll(“iframe[data-tally-src]:not([src])”).forEach((function(e){e.src=e.dataset.tallySrc}))};if(“undefined”!=typeof Tally)v();else if(d.querySelector(‘script[src=”‘+w+'”]’)==null){var s=d.createElement(“script”);s.src=w,s.onload=v,s.onerror=v,d.body.appendChild(s);}