ถ้าศาลมีคำสั่ง ยุบ ‘พรรคก้าวไกล’ ใครจะอยู่ และใครจะไป?

ประวัติศาสตร์การเมืองต้องจารึก! หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ยุบ ‘พรรคก้าวไกล’ ซ้ำรอย ‘พรรคอนาคตใหม่’ ใครจะอยู่ และใครจะไป?

ย้อนไปช่วงกลางเดือน มิ.ย.66 ที่ผ่านมา นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ตรวจสอบการหาเสียงของ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่เสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อพิจารณาวินิจฉัยสั่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และ พรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ อันอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

ซึ่งกรณีนี้เอง เป็นอีกชนวนเหตุที่จะทำให้ ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ อาจมีคำสังให้ยุบ ‘พรรคก้าวไกล’ หรือสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง

และถ้าเป็นเช่นนั้น ถือเป็นกรณีร้ายแรงที่สุด ซึ่งใครจะโดนตัดสิทธิและใครจะยังอยู่บ้าง ‘อีจัน’ จะมาเล่าให้ฟัง แต่ขอบอกก่อนว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการเทียบเคียงกับเหตุการณ์เมื่อปี 2563 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ และคณะกรรมการบริหารพรรค ทั้ง 16 คน ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี เท่านั้น นั่นก็หมายความว่า กรณี ‘พรรคก้าวไกล’ ครั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญอาจมีมติวินิจฉัยเป็นอื่น ซึ่งเราไม่อาจก้าวล่วง

และแน่นอนว่า ผู้ที่โดนตัดสิทธิ คือ นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นอกจากนี้ จะมี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล และ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ที่จะโดนตัดสิทธิไปด้วย

อีกคน ที่จะมีผลกระทบมากคือ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ซึ่งอยู่ในตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 เพราะแม้จะลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคแล้ว แต่เหตุซึ่งเป็นประเด็นในคดียุบพรรค คือ เรื่องการหาเสียง ซึ่งในขณะนั้น นายปดิพัทธ์ ยังเป็นกรรมการบริหารพรรคอยู่ ดังนั้น ถ้าท้ายที่สุด ศาลมีคำพิพากษาให้ยุบพรรค นายปดิพัทธ์ ก็น่าจะโดนไปด้วย

ส่วนคนที่ยังอยู่แม้พรรคจะถูกยุบ เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร, นายรังสิมันต์ โรม, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ และ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นเสาหลักในการสานต่ออุดมการณ์ของพรรคได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ สายวิชาการอย่าง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รวมถึง นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ก็ยังอยู่ครบเช่นกัน หรืออีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญฝ่ายกฎหมาย อย่าง นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ก็ยังอยู่

แม้หลายคนอาจกังวลว่า ไม่น่าจะมีใครทำได้ดีเท่า นายพิธา แต่เชื่อว่า จะมีคนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคในแบบของตัวเองได้อย่างแน่นอน เพราะตอนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ หลายคนคิดว่า นายพิธา ไม่น่าจะทำได้ดีเท่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า

อีกทั้ง ผลสำรวจของนิด้าโพล เมื่อเดือน มิ.ย.64 คนไทยอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้น นายพิธา ยังอยู่อันดับที่ 5 ตามหลัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ด้วยซ้ำ แต่ นายพิธา ก็เร่งเครื่องทำคะแนน จนกลายเป็นผู้ชนะอันดับ 1 และคงได้เป็นนายกรัฐมนตรี หากไม่มีเกมการเมืองเข้ามาสกัดกั้น

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร เราต้องเชื่อว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แค่ต้องอดทนรอคอย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

พิธา เปิดใจครั้งแรก หลังไม่ได้เป็น นายกคนที่ 30เสรีพิศุทธ์ ฝากถึง ก้าวไกล ต้องเสียสละ