“ก้าวไกล” แถลงหลังศาล รธน. อ่านคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง

“ก้าวไกล” แถลงหลังศาล รธน. อ่านคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง “ชัยธวัช” ยืนยัน “ก้าวไกล” ไม่มีเจตนากัดเซาะบอนทำลายความมั่นคงของชาติ

วันนี้ (31 ม.ค.67) หลังศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย คดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ หรืออดีตทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2566 เพื่อพิจารณาวินิจฉัยสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ สืบเนื่องจากกรณีที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย การเสนอร่าง พรบ.แก้ ป.อาญา ม.112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียงของ “พิธา-พรรคก้าวไกล” เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีคำสั่งให้ “เลิกการกระทำ” และเลิกการแสดงความคิดเห็น และสั่งให้ นายพิธา และพรรคก้าวไกล เลิกการดำเนินการใดๆ หรือการกระทำใดๆ เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 และเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ที่กระทำอยู่ และจะดำเนินการหรือกระทำต่อไปในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

เวลาประมาณ 16.00 น. นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงหลังศาล รัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง โดยขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่มีเจตนากัดเซาะบอนทำลายความมั่นคงของชาติ ซึ่งคำวินิจฉัยในวันนี้อาจทำให้สิ่งที่เคยกระทำได้ในอดีต อาจกลายเป็นการล้มล้างการปกครองได้ในปัจจุบันและอนาคต และอาจกระทบกับการตีความการล้มล้างการปกครองอาจทำให้เราเข้าใจหลักเกณฑ์ไม่ตรงกัน และคำวินิจฉัยในวันนี้อาจทำให้เกิดดุลยภาพระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมืองไทย

นายชัยธวัช กล่าวว่า คำวินิจฉันของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว คงไม่โต้แย้ง แต่ก็ไม่ประมาท ซึ่งต้องรอเอกสารตัวเต็มเพื่อเตรียมรับมือทางกฎหมาย

ต่อข้อถามว่า คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมีผลกระทำอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ ก็มีปัญหา โดยสั่งให้เลิกการดำเนินการใดๆ หรือการกระทำใดๆ เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 และเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 อันนี้ คือต้องทำอย่างไร รายงานที่จะนำเสนอถือเป็นการล้มล้างหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาของความชัดเจนแน่นอน ซึ่งต้องดูคำวินิจฉัยอย่างละเอียด

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ไม่ทราบว่าต่อไปนี้ถ้ามีการเสนอกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญก็มีอำนาจเข้ามาดูได้หมดเลยหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ววันนี้ ก็เรียนว่าอาจส่งผลกระทบในอนาคตได้

ต่อข้อถามที่ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ จะมีผลกระทบต่อการเสนอแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ความน่ากังวลคือการตีความที่ดูเหมือนไม่มีขอบเขต อาจถูกตีความว่าการนิรโทษกรรมให้กับผู้ต้องขัง ม.112 อาจมีเจตนาซ่อนเร้นในการล้มล้างการปกครองก็ได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และไม่เคยล้มล้างการปกครอง อย่างไรก็ตาม ในการเสนอแก้ไข ม.112 เป็นเรื่องของสภา เพราะเสนอเข้าสภาไปแล้ว

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวยืนยันเจตนาว่าบริสุทธิ์ใจ ไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่มีความตั้งใจที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากความมั่นคงของชาติ กังวลใจเรื่องขอบเขตของนิติบัญญัติและศาลรัฐธรรมนูญ ว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ และเรื่องเกี่ยวกับการวินิจฉัยที่ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงเยอะ เป็นเรื่องของเจตนาแทน ต้องกลับมาดูในรายละเอียดและหารือร่วมกันอีกครั้ง


คลิปอีจันแนะนำ

แกนนำและ สส. พรรคก้าวไกล แถลงข่าว หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย