วิโรจน์ มั่นใจ! เพื่อไทย จะไม่จับมือกับ ภูมิใจไทย พร้อมเผยเหตุผล 5 ข้อ

การเมืองร้อนลึก! หลังกระแสข่าว เพื่อไทย จะจับมือกับ ภูมิใจไทย ตั้งรัฐบาล พร้อมไล่ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ด้านวิโรจน์เผย เชื่อใจเพื่อไทยจะไม่ทำเช่นนั้น พร้อมเปิด 5 เหตุผล

การเมืองยังร้อนระอุ และมีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทย จะดึงภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ มาตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ พร้อมบีบให้ก้าวไกลโหวตให้ และท้ายที่สุดก็ไล่ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ล่าสุด วิโรจน์ ออกโรง! แสดงความเห็นถึงกระแสข่าวดังกล่าว

วันนี้ (1 ส.ค. 66) นาย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิด 5 เหตุผล ที่ตนไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทย จะดึงภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ มาจัดตั้งรัฐบาล โดยนายวิโรจน์ได้ระบุไว้ดังนี้

“หลายคนเวลาเจอหน้าผม ก็ยังถามผมอยู่ตลอด ถึงข่าวลือที่พรรคเพื่อไทย จะไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ แล้วตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ โดยดีดพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ผมก็ยังยืนยันว่า “เป็นไปไม่ได้” และผมก็ต้องปกป้องพรรคเพื่อไทย และขอร้องทุกท่านจริงๆ ว่าอย่าไปติติงอะไรพรรคเพื่อไทย ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเพียงแค่ข่าวลือ และยังไม่เกิดขึ้นเลยครับ”

ซึ่งผมมีเหตุผลรองรับทั้งสิ้น อยู่ 5 ประการ ด้วยกัน คือ

1. การอ้างว่า การที่พรรคเพื่อไทย ไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย และรวมกับพรรคอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ 262 เสียง แล้วดีดให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน แล้วจะมาบีบให้พรรคก้าวไกลโหวตให้ โดยอ้างว่าเป็นการปิดสวิทช์ สว. คือ แบบนี้ไม่ใช่การปิดสวิตช์ สว. ครับ เพราะการปิดสวิทช์ สว. คือการจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชน แล้วขอเสียง สส. จากพรรคอื่นที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลมาโหวตเห็นชอบ ให้ได้เสียงถึง 376 เสียง เพื่อไม่ให้ สว. เข้ามาแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล ขัดขวางเสียงของประชาชน แต่ข่าวลือนี้ นี่คือการยอมจำนนต่อการแทรกแซงของ สว. แล้วสมคบคิดกันล้มผลการเลือกตั้ง #ปิดสวิทช์ก้าวไกล ซึ่งพรรคเพื่อไทยที่มีประสบการณ์ทางการเมืองรู้ดีครับว่า ถ้าทำแบบนี้ก็คงจะไม่สามารถมาขอให้พรรคก้าวไกลโหวตให้ได้ เพราะถ้าพรรคก้าวไกลโหวตให้ ก็จะเท่ากับว่าพรรคก้าวไกลยอมจำนนต่อ สว. และไม่เคารพเสียงของประชาชนเสียเอง

ผมถึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีทางที่จะทำแบบนี้หรอกครับ

วิโรจน์ กล่าว

2. การเลือกพรรคเพื่อมาร่วมรัฐบาล พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องเลือกพรรคที่มีอุดมการณ์ที่ใกล้เคียงกับตนเอง ซึ่งผมยังมั่นใจว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย และมีรูปแบบการทำงานที่ตรงไปตรงมา ไม่มีการคอร์รัปชั่น ใกล้เคียงกับพรรคเพื่อไทยที่สุด ถ้าพรรคเพื่อไทยจะไปรวมกับพรรคภูมิใจไทยแล้วมากดดันพรรคก้าวไกลให้โหวตให้ ประชาชนก็จะตั้งคำถามว่า สู้จับมือกับพรรคก้าวไกลให้แน่นแล้วไปเจรจาให้ภูมิใจไทยมาโหวตให้ จะไม่ดีกว่าหรือ รัฐบาล 312 เสียง มองยังไงก็มีเสถียรภาพมากกว่ารัฐบาล 262 เสียง และการดีดพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วมากดดันให้พรรคก้าวไกลมาโหวตให้ ประชาชนก็อาจมองว่าพรรคเพื่อไทยกำลังเอาเปรียบพรรคก้าวไกลเกินไป เพราะที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็เสียสละมาโดยตลอด ทั้งตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และการที่พิธาถอยจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และส่งไม้ต่อให้กับพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาประชาชนก็รู้สึกว่าพรรคก้าวไกลก็ได้เสียสละมาเพียงพอแล้ว และจะมีคำถามจากประชาชนแน่ๆ ว่า ตอนที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทยก็ไม่โหวตให้ ทั้งๆ ที่เป็นการโหวตเพื่อปิดสวิทช์ สว. แท้ๆ แล้วทำไมพรรคก้าวไกลต้องยอมจำนนต่อ สว. แล้วโหวตให้พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทยด้วยล่ะ

3. ที่ผ่านมาที่พรรคเพื่อไทย หรือพรรคไทยรักไทยเดิม สามารถขับเคลื่อนนโยบายทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเพราะการมีเสียงที่เด็ดขาดในสภาผู้แทนราษฎร จึงทำให้พรรคเพื่อไทยยึดกุมเก้าอี้รัฐมนตรีในกระทรวงทางเศรษฐกิจที่สำคัญเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่รัฐบาล 262 เสียง เป็นรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพ และต้องถูกพรรคร่วมรัฐบาลต่อรองหนักมาก กระทรวงสำคัญหลายกระทรวง ก็คงต้องถูกบีบเพื่อมอบให้กับพรรคร่วมรัฐบาล สภาพรัฐบาลแบบนี้ จะขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างไร ทุนผูกขาดก็ยังคงเรืองอำนาจเหมือนเดิม เครือข่ายอุปถัมภ์ก็ยังฮุบสัมปทาน กินรวบทรัพยากรของประเทศ แล้วก็มาขูดรีดมัดมือชกประชาชนเหมือนเดิม รัฐบาลสภาพแบบนี้ อาจจะทำให้เศรษฐกิจแย่ยิ่งกว่ารัฐบาลรักษาการก็ได้ ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทย ไม่มีทางที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในมุมอับทางการเมืองแบบนี้แน่นอนครับ

4. รัฐบาลมี 262 เสียง ฝ่ายค้านมี 238 เสียง อย่าลืมนะครับว่า อาจมี สส. บางคนที่ต้องไปเป็นรัฐมนตรี โดยที่ไม่ลาออกจากการเป็น สส. สมมติว่ามีประมาณ 20 คน เสียงในสภาผู้แทนราษฎรในการโหวตในวาระต่างๆ จะรัฐบาลจะมีแค่ 242 เสียง หักประธานไปจะเหลือ 241 เสียง ต่อ 238 เสียง ซึ่งปริ่มน้ำมากๆ จะให้พรรคก้าวไกลรับปากว่า จะโหวต พ.ร.บ. ที่ ครม. เสนอมาทุกฉบับ และไม่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเลย ก็คงไม่ได้หรอกครับ ฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ถ้าจะให้มาทำหน้าที่อุ้มชูรัฐบาล ก็คงผิดหลักการของระบบรัฐสภาอย่างมาก รัฐบาล 262 เสียง จึงไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ และถ้าพรรคเพื่อไทย จะไปเอาพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาลในภายหลัง พรรคร่วมรัฐบาลเดิม

พรรคไหนจะยอมเสียสละเก้าอี้รัฐมนตรี และประชาชนที่ไหนจะรับได้กับความกลับกลอกแบบนี้
วิโรจน์ กล่าว

5. 262 เสียง เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทย ต้องไปดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลด้วย แล้วพรรคเพื่อไทยจะอธิบายต่อวีรชนคนเสื้อแดง ที่ต้องสูญเสียชีวิตจากการถูกล้อมปราบเมื่อปี 2553 อย่างไร จะอ้างว่าคุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพ ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารภายในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็ฟังไม่ขึ้นหรอดครับ เพราะที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่เคยมีท่าทีที่จะเสียใจ หรือยอมรับผิดกับสิ่งที่ได้กระทำกับคนเสื้อแดงเลย ผมจึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย ไม่มีทางที่จะหักหลัง และทำร้ายหัวใจ คนเสื้อแดงที่เป็นฐานเสียงหลัก และเป็นเพื่อนแท้ที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกันกับพรรคมานับสิบปี

นายวิโรจน์ยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า “อย่าไปเชื่อข่าวลืออะไรเลยครับ ฟังมากแล้วเครียดเปล่าๆ และอย่าเพิ่งไปต่อว่าอะไรพรรคเพื่อไทยเลยครับ ข่าวลือ ก็เป็นแค่ข่าวลือ มันไม่มีมูลความจริงอะไรเลย ที่สำคัญเหตุการณ์ตามข่าวลือ ก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นเลยครับ ผมยังคงเชื่อใจพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และขอให้กำลังใจ ภาคี 8 พรรคร่วม ให้คงความมุ่งมั่นร่วมกันเอาไว้ ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยแรงหนุนของประชาชน ที่มาพร้อมกับความตื่นรู้ทางการเมือง จะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ 8 พรรคร่วม สามารถจัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน ได้สำเร็จ ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าครับ”

นาทีนี้การเมืองกำลังเป็นที่จับตามอง เพราะเราไม่รู้ว่าในเร็ววันนี้ การเมืองจะออกมาในทิศทางไหน ใครจะได้เป็นนายกฯ ประชาชนต้องจับตาดูกันต่อไปครับ

คลิปอีจันแนะนำ
เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ตกลงดีลได้หรือไม่?