“บ้านหลีนวรัตน์” เหน็บหนาวกลางฤดูร้อน จากฝีมือ “ลูกบังเกิดเกล้า”

“บ้านหลีนวรัตน์” จู่ ๆ ก็เหน็บหนาวกลางฤดูร้อน จากฝีมือ “ลูกบังเกิดเกล้า” และจังหวะก็ยิ่งย่ำแย่ เพราะเรื่องแบบนี้มาเกิดช่วงกำลังเลือกตั้ง สท.

ตีลังกาเล่าข่าว โดย “กรรณะ”

พลันที่คลิปรถหรูป้ายแดง ขับไล่ปาดหน้าและใช้ท้ายรถชนรถกระบะของสองลุงป้าจนเกิดอุบัติเหตุ สถานะของบ้าน “หลีนวรัตน์” ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

เพราะภาพที่ปรากฏไปทั่วชี้ชัดว่าคนที่ก่อเหตุครั้งนี้คือ “พีช สมิทธิพัฒน์  หลีนวรัตน์” บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ “นายกเบี้ยว” กฤษฎา หลีนวรัตน์

ซึ่งขณะนี้ “พีช”  กำลังลงรับเลือกตั้งเป็น สท. ที่ธัญบุรี

คลิปต้นสายปลายเหตุทุกคนคงเห็นกันหมดแล้ว  ซึ่งหาก “พีช” ไม่ใจร้อน หรือเป็นคนที่คุมอารมณ์อยู่ นี่จะกลายเป็นอุบัติเหตุธรรมดาๆ ดีไม่ดีเขาอาจจะกลายเป็นคนถูกด้วยซ้ำ

แต่เหตุการณ์หลังจากหน้าด่านเก็บเงิน  ทำให้เขากลายเป็นคนผิดในทันที และที่แน่ๆ ลากสถานการณ์ของทั้งตระกูลให้ดิ่งเหวลงไปด้วย

แถมยังมีข่าวลือที่ว่าด้วยเขาอวดเบ่ง รู้จัก “น้าต่าย”  และแม้แต่อดีตนายกฯก็ต้องมางานบวช ยิ่งทำให้นาทีนี้เขากลายเป็น “ของแสลง” ของทุกคน

ต้องท้าวความว่า “ตระกูลหลีนวรัตน์” แม้จะไม่ใหญ่ขนาดถูกเรียกว่า “บ้านใหญ่ปทุมธานี” เพราะที่นี่ยังไม่เคยมีใครครองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ถ้าที่ “ธัญบุรี” จะเรียกตระกูลนี้ว่า “บ้านใหญ่ธัญบุรี” ก็ไม่เกินจริงนัก

เพราะพวกเขาครองฐานเสียงและผูกขาดการเมืองที่ธัญบุรี นับตั้งแต่ “นายกเบี้ยว”  ที่เป็นนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลธัญบุรี ขณะที่ภรรยา “รองน้ำอ้อย  ยุพเยาว์ หลีนวรัตน์” ก็เป็นรองนายกฯ และการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นก็ให้ “รองน้ำอ้อย” ลงชิงนายกฯแทน “นายกเบี้ยว” ที่ทำท่าจะมีปัญหาจากกรณีที่ “ชาญ พวงเพ็ชร์” ถูก กกต.ให้ใบเหลือในการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี

นอกจากนี้ยังมี “สจ.ฝ้าย เกวลิน หลีนวรัตน์”  ผู้เป็นหลานของ “นายกเบี้ยว” ทำงานใน อบจ. ปทุมธานี  เช่นเดียวกับ “กัญภรณัฏฐ์ หลีนวรัตน์” อีกหนึ่งในตระกูล “หลีนวรัตน์” ที่เป็น สท. ธัญบุรี

และที่สำคัญ “สส.ฟลุก มนัสนันท์ หลีนวรัตน์” ก็เป็น สส. พรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งเดียวในจังหวัดปทุมธานี  ดังนั้นไม่ต้องถามว่าฐานเสียงแน่นปั๋งขนาดไหน

และเมื่อกลางปีที่แล้วก็สร้างความฮือฮาด้วยการจัดงานบวชระดับอภิมหาอลังการงานสร้างให้ “พีช” จัดโต๊ะจีน 3,000 โต๊ะ คนการเมืองจากพรรคเพื่อไทยอีกเพียบ แต่ที่ฮือฮาที่สุดคือ การเป็นประธานโดย “ทักษิณ ชินวัตร” และมี “แพทองธาร ชินวัตร”  ที่ขณะนั้นยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาร่วมงาน

นาทีนั้นทุกคนมองว่า “บ้านหลีนวรัตน์” มั่นคงแบบสุดๆ  และกำลังขยายฐานเสียงเหมือนนกสยายปีก

แต่สถานการณ์ของพวกเขาก็เริ่มย่ำแย่ลงหลังการเลือกตั้ง อบจ.  ที่ผ่านมา

“บ้านหลีนวรัตน์”  สนับสนุน “ชาญ พวงเพ็ชร์” ให้ชนะการเลือกตั้ง นายก อบจ. แต่ยังไม่ทันที่จะได้เป็น กกต. ก็แจกใบเหลือง ใช้ “นายกชาญ”  สาเหตุก็มาจากการจัดงานบวชอภิมหาอลังการให้ลูกชาย ซึ่งถูกมองว่าเป็นการช่วย “นายกชาญ” หาเสียง

“ชาญ พวงเพ็ชร์” ไม่ได้ใช้ชื่อ “นายกชาญ” อีกต่อไป ขณะที่ “นายกเบี้ยว” ก็ลุ่มๆดอนๆ เพราะ กกต. สั่งดำเนินคดี ฐานจัดเลี้ยงช่วย “ชาญ”  การเลือกตั้ง สท. ครั้งนี้จึงต้องส่ง “รองน้ำอ้อย” ลงชิงชัยแทน

การเลือกตั้ง นายกฯ อบจ. ครั้งแรก “เพื่อไทย” สนับสนุน “ชาญ” อย่างเต็มที่ แต่พอต้องเลือกตั้งใหม่ “เพื่อไทย” ก็ถอนตัว แต่ “นายกเบี้ยว” เพื่อนรักก็ยังคงช่วย “ชาญ” หาเสียง แต่ที่สุดก็ต้องพ่ายให้กับ “นายกแจ๊ส คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง”  อดีตน้องรัก “ทักษิณ” ที่วันนี้หันมาใส่เสื้อสีน้ำเงิน

สถานการณ์จึงย่ำแย่ลงเรื่อยๆ  แต่อย่างไรก็ตามเขายังเชื่อว่า ใน “ธัญบุรี” ใครก็กิน “หลีนวรัตน์” ไม่ลง คิดดูว่าขนาดกระแส “พรรคส้ม” แรงสุดๆ “สส.ฟลุ๊ก” ยังหลุดเข้ามาได้เป็นหนึ่งเดียว

แต่กับเหตุการณ์ขับรถไล่ชนครั้งนี้  พลิกสถานการณ์สุด ๆ   ใคร ๆ ก็เบือนหน้าหนี  “นายกอุ๊งอิ๊ง” ที่เคยไปร่วมงานบวชก็ไฟเขียวให้เดินหน้าตามกฎหมาย

“รองฯหนู อนุทิน ชาญวีรกูล” ลูกพี่ใหญ่ในวันนี้ของ “นายกแจ๊ส” ก็จัดเต็ม บอกว่าเป็นลูกใครก็ไม่เว้น อิทธิพลอะไรก็ช่วยไม่ได้ และก็ไม่ใหญ่กว่ารัฐบาล

เรียกว่าจัดการทีเดียวได้สองเด้ง เพราะนอกจากจะเรียกเสียงเชียร์ ยังสามารถช่วยเหลือ “นายกแจ๊ส” โดยการตัดขา “หลีนวรัตน์” ได้อีกด้วย

แม้แต่ “ผบ.ต่าย – กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร” ผบ.ตร. ก็จัดหนักหลังรู้ข่าว โดนอ้างชื่อเบ่งใส่ตำรวจว่า รู้จัก “น้าต่าย” คำหนักๆหลุดมาเพียบไม่ว่าจะเป็นน่ารังเกียจ ไร้จิตสำนึก ไม่มีวุฒิภาวะ หนักเข้าถึงบอกว่าต่อให้เป็นลูกชายผมผมก็ไม่ช่วย

จึงบอกได้เลยว่านาทีนี้ “บ้านหลีนวรัตน์” เหน็บหนาวกลางหน้าร้อน และจังหวะก็ยิ่งย่ำแย่ เพราะเรื่องแบบนี้มาเกิดช่วงกำลังเลือกตั้ง สท.

ซึ่งก่อนหน้านี้หากไม่มีอะไรผิดพลาด พวกเขาก็ชนะเลือกตั้งใสๆ  เพราะใครก็รู้ว่าที่นี่แข็งขนาดไหน ขนาดพรรคส้มก็ยังยกธงไม่ส่งผู้สมัคร   แต่มาวันนี้ไม่รู้ใครที่เคยหลีกทางจะเสียใจจหรือไม่

หากเลือกตั้งที่จะถึงนี้พ่ายแพ้  พวกเขาจะยิ่งเจ็บหนักและจะเล็กลงๆ

“นายกเบี้ยว” เองก็รู้ดีและจับกระแสได้ถึงขั้นรีบเข้าไปขอโทษคู่กรณีและบอกว่ายินดีรับผิดชอบ แม้ว่าตัวคู่กรณีจะผิดเขาก็จะรับผิดชอบ เพราะเขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องกฎหมายอีกต่อไปแต่เป็นเรื่องความรู้สึก และความรู้สึกนี่แหละที่ส่งผลถึงการเมือง  แต่ก็ไม่รู้จะทันหรือเปล่า

แต่จะว่าก็ว่า เรื่องราวในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการเมืองเลย แต่เกิดจาก “ลูกบังเกิดเกล้า” ล้วนๆ