วานนี้ (16 ธ.ค.64) เวลา 21.00 น. น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย แม่ค้าและยูทูบเบอร์ชื่อดัง พร้อมนายพงษ์พันธ์ เล้าสุวรรณ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มนสิช ชุนดี รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปคบ. หรือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างเป็นแพทย์เสริมความงาม มาสมัครงานที่คลินิก EST CUTE CLINIC (อิส คิวท์ คลินิก) ซึ่งเป็นคลินิกเสริมความงามของพิมรี่พาย โดยนำหลักฐานจากแพทย์สภาและสำเนาบัตรประชาชน ซึ่งเป็นชื่อของแพทย์ตัวจริงมาแอบอ้าง
พิมรี่พาย เผยว่า มาแจ้งความร้องทุกข์กรณีที่ถูกบุคคลแอบอ้างเป็นแพทย์มาสมัครงานที่คลินิก โดยใช้ใบประกอบวิชาชีพแพทย์และสำเนาบัตรประชาชนของแพทย์ตัวจริง ซึ่งในวันที่มาสมัครงานและขณะทำงาน แพทย์ตัวปลอมได้ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า ใช้ผ้าคลุมหัว แต่งตัวมิดชิด ทำงานเป็นครั้งคราว ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ
จนกระทั่งวันนี้ เวลาประมาณ 17.00 น. แพทย์ตัวจริงได้เข้ามาแสดงตัวว่าอยู่ต่างประเทศ และไม่เคยทำงานที่คลินิกของตน ตอนแรกก็ตกใจว่าเป็นไปได้ไง จึงให้ทีมงานตรวจสอบจนความแตก เพราะติดต่อคนที่แอบอ้างว่าเป็นแพทย์ไม่ได้ ปรากฏว่า ปิดเครื่อง หลังทราบเรื่องก็ได้มีการตรวจสอบแพทย์ที่ทำงานให้คลินิก พบว่า แพทย์ปลอมมีคนนี้เพียงคนเดียว ตนจึงมาแจ้งความ เพราะนิ่งนอนใจไม่ได้ และกำลังรวบรวมเคสต่างๆ ที่แพทย์ปลอมรายนี้ทำการรักษาให้กับลูกค้า เพื่อรวบรวมเป็นพยานหลักฐานให้แก่พนักงานสอบสวน ขอยืนยันว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ จะทำหนังสือและกราบขอโทษคุณหมอตัวจริงที่ทำให้เสียหาย และขอโทษลูกค้าที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
บุคคลที่แอบอ้างเป็นแพทย์รายนี้ มีการทำเคสให้ลูกค้าแล้วเกิดปัญหาขึ้นหรือไม่ ?
พิมรี่พาย ตอบว่า ในการสมัครงาน แพทย์ปลอมรายนี้อ้างว่าทำงานกับคลินิกทุกที่ที่มีชื่อเสียง ตนก็ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าแอบอ้างคลินิกใหญ่ๆ หลายแห่งขนาดนี้ ทำให้เรารู้สึกตายใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็มีการแอบอ้างว่า ติดเคสที่นั่นที่นี่ขอเข้าสาย ส่วนตัวตนเชื่อว่ามีการสวมชื่อแพทย์คนนี้มานานแล้ว และมีการไปหลอกที่คลินิกอื่นๆ ด้วย เพราะมีการแอบอ้างคลินิกอื่นๆเยอะมาก
เรื่องนี้ ตนไม่คิดโทษใคร เป็นเรื่องของตนเองที่ต้องรับผิดชอบแทนลูกน้องทั้งหมด ในฐานะที่เราเป็นพิมรี่พาย จะปล่อยให้ลูกค้าโดนกระทำแบบนี้ไม่ได้
ขณะที่ นายพงษ์พันธ์ ทนายความ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังรวมหลักฐานทั้งหมด ส่วนการดำเนินคดีทุกข้อหาหากมีพยานหลักฐานใดที่ปรากฎทั้งการใช้เอกสารปลอม ฉ้อโกงหรือการแสดงเป็นบุคคลอื่นก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด
ด้าน พ.ต.ท.มนสิช กล่าวว่า ผู้เสียหายในคดีนี้แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนที่ 1 คือ คลินิกซึ่งเป็นผู้ประกอบการ ส่วนที่ 2 คือ ผู้เสียหายที่เป็นคุณหมอตัวจริง ที่ถูกนำเอกสารใบประกอบวิชาชีพมาแอบอ้างสวมรอย ซึ่งทราบว่าตอนนี้ตัวคุณหมออยู่ที่ต่างประเทศและส่วนที่ 3 คือ ตัวลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เคสลักษณะนี้ก็ถือว่าเป็นเคสร้ายแรงเพียงแต่ไม่ค่อยเป็นข่าว โดยผู้ต้องหาจะเลือกตัวหมอที่มีรูปร่างหน้าตาและลักษณะใกล้เคียงกันและยิ่งอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด จึงต้องปิดหน้าด้วยแมสยิ่งยากต่อการตรวจสอบ ในส่วนของข้อหาหลักที่ผู้ต้องหาจะต้องถูกดำเนินคดี
1.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น