5 คดีดัง สะเทือนโซเชียล

ย้อนดู 5 คดีดัง สะเทือนโซเชียลที่สุดของปี 2019

 2019 เป็นปีที่มีข่าวดังน้อยมาก แต่พอจะดังก็ดังตู้ม ดังทั่วประเทศเลยจริงๆ
คดีที่จะพูดถึง คือ คดีที่สะเทือนใจคนในโซเชียลค่ะ จนถึงขั้นต้องออกมาวิจารณ์หนัก วิจารณ์กันยาวๆเลย มาเริ่มกันที่คดีแรก

แว่นหัวร้อน คำนี้ เชื่อว่าหลายๆคนคงจำได้ดี เพราะเขามาควบคู่กับวลีที่ว่า “ลูกเศรษฐีอ่ะ รู้จักหรือเปล่า” เรียกได้ว่า อารมณ์ของเขา ร้อนกว่าอากาศประเทศไทย!

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ต.ค.62 เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก โต้ เจ็ทโด้ ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์รถชน พร้อมระบุข้อความว่า "กลับรถไม่ดูรถ มาทางตรงเลยน่ะเสี่ย ลงมาด่ากูยับเลย ไม่ตะบันหน้าให้ก็บุญแล้ว"
ซึ่งในคลิป หนุ่มแว่นหัวร้อน พูดว่า "ขยะสังคม มึงมีปัญญาขึ้นรถกูไหม ถ้าไม่มีก็ไปขอให้คนอื่นมาจ่ายให้กูสิ มึงมีปัญญาซื้อไหม มีเงินแสนอยู่เท่าไหร่ มีกี่ล้าน กูมีออมสินอยู่ หนึ่งล้านบาท กูให้มึงดูเลย กูไม่เคยแคร์คนไทย กูดูถูกคนไทยมาตลอด มึงจำคำพูดกูไว้ พวกคนไทยคือพวกชั้นต่ำทั้งประเทศ กูหมิ่นทุกคนแม้กระทั่งนายกฯ มึงอยู่บ้านอะไรอ่ะมีแลนด์แอนด์เฮ้าส์อยู่หรือเปล่า แค่ 5 ล้านเอง ลูกเศรษฐีอะคุณรู้จักเปล่า ขับรถป้ายแดง คุณอายุเท่าไร 20 กว่าหรอ ผม 24 ขับรถป้ายแดงคันละล้านสอง มีทุกอย่างที่คุณไม่มี ฉันเกลียดประเทศไทย ฉันไม่น่ากลับมาที่นี่ ผมดูถูกด้วยความเต็มใจ พวกตำรวจฉันไม่แคร์หรอก ฉันมีนายตำรวจคอยช่วย ประเทศไทยฉันไม่แคร์"

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
จากนั้นก็ต่อด้วยความโวยวายอีกเป็นชุด แม้ว่าจะมีการห้ามจากผู้หญิงที่มาด้วยก็ตาม แต่เขายังดูถูกคนไทยมาเรื่อยๆ ซ้ำยังบอกว่าคนไทยการศึกษาต่ำ ภายหลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตเข้ามาวิจารณ์การกระทำของหนุ่มแว่น เจ้าของรถซีวิคเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งตามหาว่าหนุ่มคนดังกล่าวเป็นใคร ขณะที่ชาวเน็ตหลายรายต่างชื่มชมในความใจเย็นของเจ้าของคลิปอีกด้วย
ภาพจากอีจัน

คดีที่สะเทือนใจโซเชียลอีกคดี คือ “เสือ ดุสิต”
ชายหน้าโหด ที่บุกปล้นบ่อนย่านสายไหม-สะพานใหม่ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.62 จนกลายเป็นที่โด่งดังไม่ทันข้ามวัน แต่ที่เขาทำไปมีเหตุผล ก่อนเสือจะโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า "ชีวิตผมไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ผมแค่ไปเอาเงินคืนก็ต้องตามที่ผม ครอบครัวผมไม่เกี่ยว ลูกผู้ชายหน่อยคับ ตราหน้าผมไว้เลย ผมอะเด็กสายไหม เงินแค่นี้ ท่านไม่สะดุ้งหรอก ท่านก็คิดสะว่าทำบุญ"

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
แต่แล้วเสือก็ประสานขอเข้ามอบตัว ในอีก 2 วันต่อมา พร้อมเล่าว่า วันที่เกิดเหตุ ตนและเพื่อนอีก 1 คน ได้เข้าไปเล่นการพนันในบ่อนดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งบ่อนดังกล่าวเป็นบ่อนที่มีการแอบลักลอบเปิด ให้ชาวบ้านเล่นได้ประมาณ 2-3 วัน ทั้ง 2 คนได้เล่นเสียเงินไปจำนวนประมาณ 20,000 บาท ภายหลังมีคนที่อยู่ในบ่อนมาสะกิดบอกให้นายเสือเลิกเล่น เพราะบ่อนนี้เขย่าบังคับลูกเต๋าได้ นายเสือ เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกโกง จึงเกิดความโมโห โวยวายขึ้น เมื่อเห็นว่าคนคุมบ่อนจะกรูเข้ามาหา จึงชักอาวุธปืนบีบีกัน ที่พกติดตัวมาข่มขู่พนักงานภายในบ่อนให้เอาเงินคืน หลังเกิดเหตุ ทางบ่อนจึงมีการพูดคุยตกลงกันกับนายเสือว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ส่วนเรื่องจำนวนเงินที่นายเสือเสียไปบ่อนก็ได้คืนให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภาพจากอีจัน
ส่วนในข่าวที่บอกว่าเป็นการปล้นนั้น เสือให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มาปล้น มาเล่นแต่ถูกโกง จึงทวงเงินคืน ที่ทำไปเพราะความโมโหเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกโกง ภายหลังก็ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับทางบ่อนเรียบร้อยแล้ว ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตไปขนาดนี้ ส่วนที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กเป็นเรื่องที่ตนโมโห เพราะมีคนมาทวงเงินกับแฟนตนว่าเล่นเสียแล้วมาทวงเงินคืนกับบ่อนได้ยังไง ตนจึงโพสต์ไปด้วยความโมโห
ภาพจากอีจัน
กระทงลิขสิทธิ์ คดีนี้ก็ใช่ย่อย เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เด็กสาววัย 15 ต้องตกเป็นเหยื่อ เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจาก เด็กวัย 15 โพสต์ขายกระทงอาหารปลาบนเฟซบุ๊ก เพื่อหารายได้ ซึ่งวิธีการขายนั้น คือการโพสต์รูปบนเฟซบุ๊ก เพื่อรับออเดอร์และวางเงินมัดจำ ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการผลิต จากนั้นก็มีผู้ที่สนใจสั่งกระทงที่ทำจากอาหารปลา และนำภาพตัดแปะมาทำให้เป็นกระทงหน้าตัวการ์ตูน โดยมีคนสั่งหลายเจ้า รวมแล้วกว่า 160 กระทง พอถึงวันที่นัดรับก็นำกระทงไปส่งตามนัด แต่จู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงปรี่เข้ามาจับ พร้อมกับแจ้งว่าทำกระทงละเมิดลิขสิทธิ์มีความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ จะต้องจ่ายค่าปรับ 50,000-400,000 บาท
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
สุดท้ายแล้วคดีนี้ความจริงก็ปรากฏ เมื่อรู้ว่าคนที่สั่งทำกระทงนั้นคือแก๊งมิจฉาชีพที่ทำแบบนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ตำรวจไม่รอช้ารีบดำเนินคดี ติดตามจับกุม จนกระทั่งทราบว่าแก๊งมิจฉาชีพมีด้วยกัน 3 คน คือ นายประจักษ์ โพธิผล อายุ 56 ปี , นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ หรือนัน กิ่งเพชร อายุ 42 ปี และนางสาววนิดา ถินสุวรรณ์ อายุ 24 ปี ลูกสาวของนายนัน ทั้ง 3 คนถูกแจ้งข้อหาฐานความผิดหลายข้อหา อาทิ แจ้งความเท็จ ใช้เอกสารปลอม และกรรโชกทรัพย์ หลังมีหลักฐานพบว่า นายประจักษ์ และพวก ได้มีการปลอมแปลงลายเซ็นผู้มีอำนาจเจ้าของลิขสิทธิ์ แล้วนำเอกสารที่ปลอมลายเซ็นไปใช้ดำเนินการแจ้งความเรียกค่าเสียหายกับเด็กหญิงวัย 15 ปี
ภาพจากอีจัน

มาต่อกันที่สุดของคดีสะเทือนโซเชียลคดีที่ 4
หลังจากผู้เป็นพ่อ โพสต์ข้อความเป็นเฟซบุ๊กหลังลูกชายถูกคนร้ายซึ่งเป็นผู้โดยสารใช้มีดแทงเพื่อหวังเงิน 200,000 บาทไม่ใช่หนี้
โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 5 พ.ค. 62 หลังจากคุณเกมส์ คัมภีร์ เคลือลิ้นจี่ ได้ขับแกร็บตามปกติ และกำลังจะกลับบ้าน ก็มีลูกค้ากดเข้ามานระบบจึงตัดสินใจรับ

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ระหว่างที่รับลูกค้าขึ้นมาไม่มีผิดปกติ เกมส์ขับพาไปตามปลายทางที่ปักหมุดไว้ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ลูกค้ารายดังกล่าวล็อกคอและใช้มีดจ้วงแทงบริเวณใบหน้า ก่อนจะพยายามชิงเอาทรัพย์สิน เกมส์จึงถามว่า จึงถามว่าต้องการอะไร คนร้ายตอบกลับว่า เป็นหนี้อยู่ 200,000 บาท
ภาพจากอีจัน
ระหว่างนั้นเกมส์ยังมีสติจึงฉุกคิดขึ้นได้ ออกอุบายให้คนร้ายคนร้ายพาไปส่งโรงพยาบาลก่อน แล้วจะโอนเงินให้ คนร้ายจึงยอมพาไปส่งโรงพยาบาล แต่เรื่องก็ยังไม่จบเมื่อผู้เป็นพ่อและครอบครัวได้เดินทางมาถึงโรงพยาบาล และทราบว่าคนที่กำลังอยู่เฝ้าลูกชายคือคนร้าย ซึ่งหลังจากจับคนร้ายได้ คือ “ไอ้ปอ” ยังไม่สำนึก ทวงบุญคุฯบอกว่าหากไม่พามาส่งที่โรงพยาบาล เกมส์คงไม่รอด ทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำร้าย จิตใจทำด้วยอะไร
ภาพจากอีจัน

และคดีสุดท้ายของที่สุดแห่งปีสะเทือนโซเชียล
เมื่อเพื่อนที่ไว้ใจ ทำร้ายกันได้ลงคอ
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เล่าประสบการณ์ตรงของตัวเองว่าเขาถูกเพื่อนรักที่คบกันมา 7 ปี แทงท้องจนเป็นแผลฉกรรณ์ หลังขโมยเงินไป

โดยผู้เสียหายเล่าว่า นายเบิ้ลเพื่อนสนิท ได้งัดเข้ามาในห้องพักของตนตอนเที่ยงคืน ก็ทำทีมาขอนอนด้วย อ้างเมา กลัวขับรถกลับบ้านจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งตนก็อนุญาตเพราะไม่ได้เอะใจอะไร

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
เเต่เช้ามา กลับพบว่ามีข้อความเเจ้งเตือนว่า เงินในบัญชีถูกโอนออกไป 50,000 บาท จึงเอะใจถามนายเบิ้ล จนยอมรับ เเต่เงินทั้งหมด นายเบิ้ลบอกว่า ใช้ไปหมดเเล้ว หลังจากนั้น จึงมีปากเสียง ก่อนที่ นายเบิ้ล จะเอามีดมาเเทงเข้าที่ท้องของ นายภานุวัฒน์ หลังจากนั้น นายภานุวัฒน์ พยายามวิ่งหนีออกจากห้องเพื่อไปโรงพยาบาล เเต่ นายเบิ้ล วิ่งตามขึ้นรถไป รพ.ด้วย
ภาพจากอีจัน
เเต่ที่น่าเจ็บใจยิ่งไปกว่านั้น นายภานุวัฒน์ เล่าว่า ขณะที่ตัวเองกำลังผ่าตัดอยู่ แฟนสาวได้เช็คสเตรทเม้นพบว่า มีเงินถูกโอนออกจากบัญชีไปอีก 50,000 บาท แฟนจึงรีบอาญัติบัญชี เเละกลับไปดูที่คอนโดพบว่าไอโฟนหายไป 1 เครื่อง เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า นายเบิ้ล ย้อนกลับเข้ามาที่ห้องพัก ทำให้มั่นใจว่า เงิน 50,000 บาท เเละ โทรศัพท์ไอโฟน 1 เครื่องที่หายไป น่าจะเป็นฝีมือของ นายเบิ้ล
ภาพจากอีจัน
ทำไมถึงทำกันได้ลง ความไว้ใจที่ให้ไป คือความปางตายที่ให้กลับมา ปิด 5 คดีสะเทือนโซเชียลที่สุดของปี 2019 สุดท้ายคนผิดก็ต้องรับโทษ หนีไม่รอดกฎหมายสักราย