จากเหตุการณ์ที่รถกระบะยี่ห้อหนึ่งขับชนท้าย รถยนต์หรู Rolls Royce บนทางด่วนมอเตอร์เวย์ ทำให้เกิดประเด็นต่อเนื่องในเรื่องความเสียหายของรถทั้งสองคัน โดยเฉพาะ Rolls Royce แม้จากภาพแทบจะดูไม่มีความเสียหายใด ๆ ต่างจากรถกระบะที่หน้ายับเลยทีเดียว ซึ่งจากกรณีนี้ผู้ที่ชนท้ายต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน
สำหรับราคาค่าซ่อมรถคร่าว ที่ เฟซบุ๊ก สมาคมรถแต่ง โพสต์ไว้คร่าว ๆ นั้น มีมูลค่าสูงเกือบ 2 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยแยกเป็นแต่ละรายการ
ไฟท้ายข้างละ 300000 บาท
แตกหรือเป็นรอยสองข้างก็ 6 แสนบาท
กันชนหลัง 250000 บาท
ฝากระโปรงหลังพร้อมเซ็นเซอร์ 300000 บาท
ท่อไอเสียหลัง 80000 บาท
คานและ อะไหล่ตัวถัง350000 บาท
ยังไม่รวมจุกจิกๆอีกหลายแสน และ ค่าทำสีต่างหาก รวมถึงถ้าโช๊ครั่ว ซ่อมไม่ได้ เพราะเป็นระบบพิเศษของทางค่าย คู่หลัง 600000 บาท
รถยนต์ราคาระดับนี้โดนชนท้าย ยังมีค่าซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่สูงขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นรถที่มีมูลค่าสูงกว่านี้จะมีราคาขนาดไหน
วันนี้ อีจัน ได้รวบรวมรถยนต์ที่มีราคาค่าตัวสูงที่สุดในโลก 5 อันดับ ที่หากเจอบนท้องถนนควรอยู่ห่าง ๆ หรืออย่าได้เฉียดเข้าใกล้ จะมีรุ่นไหนบ้างมาดูกัน
1. Rolls-Royce Boat Tail – รถยนต์หรูเปิดประทุน ที่มีดีไซน์การออกแบบทรงคลาสสิก ร่วมสมัย ตกแต่งแบบหรูหราทั้งภายนอกและภายใน เครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ ขนาด 6.7 ลิตร ให้พละกำลัง 563 แรงม้า ราคาจำหน่ายโดยประมาณ 890 ล้านบาท
2. Bugatti La Voiture Noire – ซูเปอร์คาร์หรูดีไซน์สปอร์ต เน้นโทนสีดำในการตกแต่งเพิ่มความดุดัน ใช้เครื่องยนต์ W16 เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้า ราคาจำหน่ายโดยประมาณ 598 ล้านบาท
3. Mercedes-Maybach Exelero – เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2004 โดยจะมีอยู่คันเดียวในโลก ด้านสมรรถนะใช้เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 690 แรงม้า ราคาจำหน่ายโดยประมาณ 254 ล้านบาท
4. Pagani Huayra Imola – ซูเปอร์คาร์ตัวแรงสัญชาติอิตาลี ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ใช้เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ความจุ 6.2 ลิตร จาก Mercedes-AMG ให้กำลังสูงสุด 827 แรงม้า ราคาจำหน่ายโดยประมาณ 178 ล้านบาท
5. Koenigsegg CCXR Trevita – รถยนต์รุ่นสูงสุดในตระกูล CCX ที่ผลิตออกมาเพียงแค่ 3 คันเท่านั้น ตัวถังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา ใช้เครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.8 ลิตร 1,004 แรงม้า ราคาจำหน่ายโดยประมาณ 153 ล้านบาท
อยากรถหอม ดูดี มีระดับ : https://s.lazada.co.th/l.WQbk
ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก สมาคมรถแต่ง, www.carsome.co.th