ชาวอิสราเอล ไม่ต้องสวมแมสก์ในที่โล่ง อีกต่อไปแล้ว
เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2564 เว็บไซต์เดอะไทม์ออฟอิสราเอล สื่อของประเทศอิสราเอลว่า รัฐบาลอิสราเอลได้ประกาศ ยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในที่เปิดสาธารณะ เริ่มต้นในวันที่ 18 เมษายนนี้ หลังจาก รัฐบาลฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วกว่าครึ่งประเทศ ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลงเหลือเพียงหลักร้อยคน
ยูลิ เอเดลสตีน รัฐมนตรีสาธารณสุข ของอิสราเอล ประกาศว่าตั้งแต่ วันที่ 18 เม.ย.64เป็นต้นไป ชาวอิสราเอลจะไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยอีกต่อไป
เขาได้สั่งให้ Chezy Levy ผู้อำนวยการใหญ่ของกระทรวงลงนามในคำสั่งยุติกฎระเบียบแต่ ยังคงต้องใช้แมสก์ในพื้นที่สาธารณะแบบปิด พร้อมระบุว่า
“ หน้ากากมีไว้เพื่อปกป้องเราจากไวรัสโคโรนา ผู้เชี่ยวชาญตัดสินใจว่าสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ในพื้นที่เปิดโล่งอีกต่อไป ฉันจึงตัดสินใจเปิดใช้งานการถอดมันออก”
ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล เผยเหตุผลที่ประกาศ ยกเลิกการใส่แมสก์ เขาให้เครดิตการรณรงค์ฉีดวัคซีนของอิสราเอลที่ประสบความสำเร็จ ชาวอิสราเอล ได้รับวัคซีนไปแล้ว 1 ครั้งกว่า 5,338,967 ราย และ 4,961,238 ได้รับ 2 ครั้วแต่ยังให้ให้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องภายใน
ขณะที่เวลานี้ อิสราเอล ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เมษายน ลดลงเหลือ 196 รายเท่านั้น ขณะที่ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมที่ 836,706 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 6,314 ราย
มียอดผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่เพียง 2,945 ราย ในจำนวนนี้ 209 รายเป็นผู้มีอาการสาหัส และอีก 126 รายที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ส่วนยอดการตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 55,470 ราย มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพียง 0.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
จันหวังว่าอีกไม่นาน ประเทศไทยจะได้ยุติการใช้แมสก์ เพราะสถานการณ์ดีขึ้นแบบนี้