อุทาหรณ์! หญิงคลั่งครอบแก้ว จนเป็นโรคเลือดจางขั้นรุนแรง

ชอบครอบแก้วบ่อยๆ ระวังให้ดี อุทาหรณ์! หญิงคลั่งครอบแก้ว ยอมเสียเลือดเท่าขวดน้ำแร่ สุดท้ายเป็นโรคโลหิตจาง (Anemia) ขั้นรุนแรง

ใครชอบครอบแก้วบ่อยๆ ระวังให้ดี 

นาทีนี้น้อยคนมากที่จะไม่รู้จักการครอบแก้ว ซึ่งเป็นทฤษฏีทางการแพทย์แผนจีน เชื่อว่ารักษาโรคที่เกิดจากการเดินทางของพลังงานได้หลายชนิด โดยใช้แก้วสีใส อาศัยความร้อนไล่อากาศภายในแก้วให้เกิดภาวะสุญญากาศ จากนั้นครอบลงไปบนผิวหนัง ทําให้เกิดเลือดคั่งขึ้นในบริเวณนั้น ส่งผลกระตุ้นผิวหนัง ระบบประสาท และระบบหมุนเวียนเลือด แต่เมื่อไม่นานมานี้มีสาวจีน ไปครอบแก้วบ่อย จนเป็นโรคโลหิตจาง (Anemia) ขั้นรุนแรง 

วันที่ 19 ม.ค.67 ทาง jeenthainews สื่อต่างประเทศ เปิดเผยว่า หญิงจีนแซ่จิน ในเมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียง คิดว่ามีความร้อนและความชื้นในร่างกายสูง เพราะอยู่ในเมืองติดทะเล เธอจึงมักไปครอบแก้ว ขับไล่ความชื้นและลดความร้อน 

เธอเข้ารับการรักษาด้วยการครอบแก้วเป็นเวลา 2 ปี ที่คลินิกสุขภาพแห่งหนึ่ง ทุกครั้งที่ครอบแก้ว เจ้าหน้าที่จะเจาะผิวหนังให้ลิ่มเลือดไหลออกมาครั้งละประมาณ 200 มิลลิลิตร หรือปริมาณเกือบเท่าน้ำแร่ขวดเล็ก 1 ขวดทุกสัปดาห์ 

ต่อมา เส้นเลือดฝอยที่ผิวหนังของเธอได้รับความเสียหาย ทำให้หน้าซีด เวียนหัว เหนื่อยล้า ใจสั่น และหายใจลำบาก ผลการตรวจพบว่าฮีโมโกลบินของเธอต่ำจนน่าตกใจ เข้าขั้นภาวะโลหิตจางขั้นรุนแรง 

หมอวิเคราะห์ว่า จากการที่เธอครอบแก้วเป็นประจำ ผิวหนังของเธอถูกเจาะเพื่อทำให้เลือดไหลออกมาทุกครั้งที่ครอบแก้ว แถมเธอครอบแก้วบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เลือดก็ยิ่งออกเพิ่มขึ้นจนถึงครั้งละ 200 มิลลิลิตร ทำให้เธอมีภาวะเสียเลือดเรื้อรัง (Chronic blood loss)  เธอต้องเข้ารับการรักษาที่ศูนย์เคมีบำบัดและโลหิตวิทยาของโรงพยาบาล จนภาวะโลหิตจางของเธอดีขึ้น  

งานนี้ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์สงสัยว่า การระบายเลือดไม่น่าจะเกี่ยวกับการครอบแก้วเลย การเจาะผิวหนังให้เลือดออกนี่ดีแล้วเหรอ แล้วลูกเพจล่ะคะ มีใครเคยไปครอบแก้วบ้าง คิดว่าจำเป็นต้องเจาะให้เลือดออกมั้ย? 


คลิปอีจันแนะนำ

แรงศรัทธา ฆ่าไม่ตาย? อ.น้องไนซ์ เชื่อมจิต สมุทรปราการ