
จากเหตุการณ์ (8 มิ.ย. 68) กลุ่มมวลชนรวมตัวปิดทางด่วนสาย 101 ใจกลางเมืองลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา พร้อมจุดไฟเผารถยนต์บนถนน รวมถึงมีการยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนปืน เพื่อเป็นการประท้วงต่อต้านนโยบายปราบปรามผู้อพยพของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งในเวลาต่อมา ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งส่งกองกำลังป้องกันแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย 2,000 นายไปยังลอสแองเจลิส เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ แม้จะได้รับการคัดค้านโดยผู้ว่าการรัฐ แกวิน นิวซัม ก็ตาม
ล่าสุด (9 มิ.ย. 68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ประกาศระดมกำลังนาวิกโยธิน 700 นาย จากทเวนตี้ไนน์พาล์มส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปยังลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นสถานที่ประท้วงต่อต้านปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง

กองบัญชาการภาคเหนือของสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า กองพันทหารราบ ได้รับการแจ้งเตือนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะทำงานร่วมกับหน่วยป้องกันชาติ ที่ทำหน้าที่ปกป้องบุคลากรและทรัพย์สินของรัฐบาลกลางในเขตมหานครลอสแองเจลิส
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม ยังมีการเตรียมแผนที่จะระดมกำลังทหารรักษาการณ์แห่งชาติแคลิฟอร์เนียเพิ่มเติมอีก 2,000 นายภายหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ อนุมัติการส่งทหารรักษาการณ์ชุดแรก 2,000 นาย ไปประจำการในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าทหารทั้งหมดจะลงพื้นที่เมื่อใด

ขณะเดียวกัน แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมด้วย ร็อบ บอนตา อัยการสูงสุดของรัฐ ได้กล่าวถึงการที่ทรัมป์เปิดใช้งานกองกำลังรักษาการณ์นั้น ว่าเป็นละเมิดการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 10 เนื่องจากนิวซัมไม่ได้ร้องขอให้นำกองกำลังไปด้วย
“การส่งกองกำลังรักษาดินแดนไปประจำการนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม และขัดต่อรัฐธรรมนูญ และคำสั่งระดมพลที่ส่งไปยังกองกำลังรักษาดินแดนมีกฎหมายบัญญัติว่าต้องออกคำสั่งดังกล่าวผ่านผู้ว่าการรัฐต่าง ๆ เท่านั้น” นิวซัมกล่าว

ขอบคุณข้อมูล : NPR