
เข้าสู่วันที่ 38 ของสงครามการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.66 หลังกลุ่มฮามาสยิงขีปนาวุธเข้าใสอิสราเอลกว่า 5,000 ลูก ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 คน นับจากนั้นกองทัพอิสราเอลได้ตอบโต้อาวุธหนักกลับอย่างต่อเนื่องและไม่พักตลอดเดือน จนทำให้ประชาชนชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ฉนวนกาซาเสียชีวิตกว่า 11,100 คน โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กและผู้หญิงกว่า 8,000 คน โดยเป็นเด็กอย่างเดียว 4,200 คน
ความคืบหน้าล่าสุด (13 พ.ย.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โรงพยาบาลอัล-ซีฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักในเมืองกาซา ซิตี ไม่สามารถใช้งานเป็นโรงพยาบาลได้อีกต่อไป โดยชี้ว่าบริเวณที่ตั้งโรงพยาบาลถูกทิ้งระเบิดและยิงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีกขณะที่เชื้อเพลิงและไฟฟ้าใกล้จะหมดลงอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งขาดแคลนอาหารและน้ำ
รายงานข่าวระบุว่า จากสถานการณ์สงครามการสู้รบนี้ ทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนด 2 ราย ในโรงพยาบาลอัล-ซีฟา เสียชีวิต ส่วนเด็กทารกอีก 37 ราย ที่อยู่ในห้องไอซียูทารกแรกเกิด มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต เนื่องจากเชื้อเพลิงในโรงพยาบาลขาดแคลนในการจ่ายไฟให้กับตู้อบของพวกเขา
โมฮัมเหม็ด อาบู ซัลมิยา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลอัล-ซีฟา เผยว่า น่าเสียดายที่เราสูญเสียเด็กทารกไป 2 คนจาก 39 คนเนื่องจากไฟฟ้าดับ พวกเขาเสียชีวิตเนื่องจากอุณหภูมิต่ำและขาดออกซิเจน ตอนนี้เรากำลังใช้วิธีการดั้งเดิมเพื่อให้พวกมันมีชีวิตอยู่
ต้องติดตามสถานการณ์สงครามนี้อย่างใกล้ชิด ว่าจะขยายเป็นสงครามที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้หรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.aljazeera.com/news/2023/11/11/37-babies-at-risk-of-dying-in-gaza-hospital-israel-says-to-aid-evacuation
ขอบคุณภาพจาก : World Forum ข่าวสารต่างประเทศ