จากเด็กอัจฉริยะ สู่คนว่างงาน เผย ชีวิตที่ดี คือ นั่งเฉยๆ ขอเงินพ่อแม่

จากเด็กอัจฉริยะ นักศึกษา ป.เอก ที่อายุน้อยที่สุดในจีน สู่คนว่างงานที่แฮปปี้ เผย “การนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย คือกุญแจสู่ความสุขตลอดชีวิต” พร้อมกับบอกว่าพ่อแม่เป็นหนี้เขา

กำลังเป็นที่พูดถึงเลยค่ะ สำหรับกรณีอดีตเด็กอัจฉริยะ ที่เรียน ป.เอก ตั้งแต่อายุ 16 ปี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยยึดหลักที่ว่า “การนั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยคือกุญแจสู่ความสุขตลอดชีวิต” พร้อมกับบอกว่าพ่อแม่เป็นหนี้เขา 

วันที่ 3 ต.ค.66 ที่ผ่านมา scmp สำนักข่าวต่างประเทศ ได้เปิดเผยเรื่องราวของอดีตเด็กอัจฉริยะ “นายจาง ซินหยาง” กับมุมมองในการใช้ชีวิตที่หลายคนได้อ่านแล้วถึงกับอึ้ง ระบุว่า 

จาง ซินหยาง มีชื่อเสียงอย่างมากเมื่ออายุ 10 ขวบ เพราะแสดงความสามารถพิเศษทางคณิตศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก เขาได้รับรางวัลเหรียญทองหลายเหรียญ ในการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ และกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน เมื่อเขาสอบเทียบเข้าเรียนที่วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์เทียนจิน ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และกลายเป็นนักศึกษาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดในจีน 

จากนั้น จาง ซินหยาง ได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปักกิ่ง เมื่ออายุ 13 ปี  และทำลายสถิตินักศึกษาปริญญาโทที่อายุน้อยที่สุดในจีน เมื่อปี 2554 จาง ซินหยาง ในวัย 16 ปี ก็ได้เข้าเรียนหลักสูตรปริญญาเอกสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ที่มหาวิทยาลัยเป่ยหาง และกลายเป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่อายุน้อยที่สุดในจีน 

โดยช่วงนั้น เขาได้เรียกร้องให้พ่อแม่ของเขาที่อยู่ในมณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซื้อแฟลตในปักกิ่งมูลค่า 2 ล้านหยวน หรือประมาณ 10 ล้านบาทให้ โดยยื่นคำขาดกับพ่อแม่ว่า ถ้าไม่ซื้อห้องพักหรูให้ เขาจะสละสิทธิ์การเรียนปริญญาเอก ทำให้พ่อแม่ของเขาต้องหาเงินเช่าแฟลตในปักกิ่ง และต้องโกหกลูกชายว่าเป็นการซื้อ ตามที่ลูกต้องการ 

หลังเรียนจบ เขาได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในเขตปกครองนิงเซี่ยหุย ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และลาออกในอีก 2 ปีต่อมา จากนั้นมุมมองการใช้ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป ปัจจุบันเขาอายุ 28 ปี ทำงานอิสระ มีเงินในบัญชีเพียงไม่กี่พันหยวน อาศัยอยู่ในแฟลตเช่าในเซี่ยงไฮ้ และยังคงต้องขอเงินพ่อแม่ใช้

จาง ซินหยาง ค่อนข้างพอใจกับชีวิตปัจจุบันของเขา ที่ไม่ต้องมีงานประจำ ไม่ต้องทำงานร่วมกับคนอื่น เขากล่าวว่า “ผมว่างงานและเป็นคนไม่หนักแน่น ผมสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต ตอนนี้ทรัพย์สมบัติของครอบครัวคงเหลือไม่มาก แต่อย่างน้อยครอบครัวของเราก็มีชีวิตที่รุ่งโรจน์ ถ้าต้องการอะไร เพียงแค่โทรหาพ่อผม พวกเขายังคงเป็นหนี้บ้านในปักกิ่งที่ผมเคยอยู่ ซึ่งน่าจะมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้าน (ราว 51 ล้านบาท) ในตอนนี้” 

ซึ่งเมื่อเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ บางคนถึงขั้นมองว่าเป็นการล่มสลายของอัจฉริยะเลยค่ะ แล้วลูกเพจล่ะคะ มีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

ข้อมูลจาก: scmp