
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 66 โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินทางเยือนอิสราเอล เข้าพูดคุยหารือกับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี พร้อมกับคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจ เพื่อแก้ปัญหาสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์
โดยก่อนหน้าการเดินทางมาเยือนของผู้นำสหรัฐฯ ได้เกิดโศกนาฏกรรมเมื่อมีจรวดลูกหนึ่งตกใส่โรงพยาบาลในฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อย่างไรก็ตามทั้งอิสราเอล และฮามาส ต่างออกมายืนยันว่าการโจมตีดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากฝ่ายของตน แต่เป็นฝีมือของฝ่ายตรงข้าม
ซึ่งการหารือในครั้งนี้ โจ ไบเดน เผยว่า สหรัฐฯ ทราบถึงเหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาลในฉนวนกาซา และรู้ว่าไม่ได้เป็นฝีมือของอิสราเอล แต่เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายที่ยิงจรวดพลาดเป้าจนตกใส่โรงพยาบาล จากข้อมูลที่เราได้รับจนถึงปัจจุบัน ดูเหมือนว่าจะเป็นการยิงจรวดที่ผิดพลาดซึ่งถูกยิงโดยกลุ่มก่อการร้ายในฉนวนกาซ่า
นอกจากนี้ ไบเดน ยังบอกอีกว่า การมาเยือนอิสราเอลในครั้งนี้เป็นการแสดงให้ประชาชนชาวอิสราเอลรู้ และชาวโลกรู้ว่าสหรัฐฯยืนอยู่ตรงจุดไหนในสงครามครั้งนี้ และหลังการประชุมเสร็จผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ทวิตเตอร์ หรือ X ระบุว่า "ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ไม่ใช่กลุ่มฮามาส และกลุ่มฮามาสไม่ใช่ตัวแทนของชาวปาเลสไตน์"
อย่างไรก็ตามประโยคดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่ ไบเดน เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทีวี ว่า ฮามาสเป็นกลุ่มคนขี้ขลาดต้องกำจัดให้สินซาก หนทางสู่สันติในภูมิภาคนี้ ต้องทำตามสนธิสัญญาออลโล ต้องสถาปนารัฐปาเลสไตน์ และรัฐอิสราเอล จะได้เลิกรบกันเสียที และเพื่อให้เป็นการยอมรับการมีอยู่ของทั้ง 2 รัฐ และในด้านการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่สงครามอย่างฉนวนกาซานั้น ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประสานกับทางรัฐบาลอิยิปต์ที่เห็นชอบเปิดด่านข้ามชายแดนราฟาห์เพื่อให้รถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 20 คันเดินทางข้ามไปยังพื้นที่ดังกล่าวได้ แต่ยังไม่มีกำหนดวัน เวลา ที่แน่ชัด
ทั้งนี้ หลังจากการเดินทางเยือนอิสราเอลของนายโจ ไบเดน ก็มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี ริชี ซูนัค ของอังกฤษ จะเดินทางมาเยือนอิสราเอลด้วยเช่นกัน เพื่อหารือกับ นายเบนจามิน เนทันยาฮู และประธานานธิบดีไอแซก เฮอร์ซอก รวมถึงเดินทางเยือนประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางตลอดทริป 2 วัน
ขอบคุณข้อมุลจาก : www.timesofisrael.com