สืบเนื่องมากจาก เมื่อปี 2555 ตำรวจชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อน จับกุมเรือสินค้า ลักลอบขายน้ำมันเถื่อน ได้ที่บริเวณน่านน้ำ จ. สงขลา ยึดของกลาง เป็นน้ำมันเถื่อนกว่า 2,000 ลิตร และเงินสดอีก 48 ล้านบาท จากนั้น ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อ จนพบผู้กระทำผิดคือ นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ อายุ 53 ปี ตรวจค้นที่พัก พบเอกสารซื้อขายน้ำมันเถื่อนที่มีการจำหน่ายไปมากกว่า 1 หมื่นครั้ง เป็นจำนวน 400-500 ล้านลิตร
พนักงานสอบสวนจึงได้สั่งฟ้อง อยู่ในระหว่างตรวจสอบ ผ่านไป 3 ปี จนถึงปี 2558 พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เห็นว่าการค้าน้ำมันเถื่อนเป็นความผิดร้ายแรงฐานฟอกเงิน จึงได้มีการออกหมายจับ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 และจับกุมเสี่ยโจ้ได้ วันที่ 4 พฤศจิกายน ย่านห้วยขวาง
ล่าสุดวันนี้ (5 พฤศจิกายน 2564) ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)นำโดย พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้แถลงผลการจับกุม นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ อายุ 53 ปี เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” โดยเสี่ยโจ้ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
พล.ต.ท. จิรภพ เปิดเผยว่า เสี่ยโจ้ยังมีอีกหนึ่งคดีที่เชื่อว่าการดำเนินคดียังไม่เสร็จสิ้นตั้งแต่ 17 มิถุนายน 2557 ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับการปลอมแปลงตราประทับสำหรับเดินทางระหว่างประเทศ แม้คดีจะได้มีการสั่งฟ้อง ศาลชั้นต้นละพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน แต่เสี่ยโจ้ก็ยังไม่เคยถูกจำคุกตามคำพิพากษา ที่ผ่านมาตำรวจได้มีการสืบสวนติดตามเสี่ยโจ้มาตลอด เพราะเป็นรายใหญ่ในวงการ ซึ่งเสี่ยโจ้ได้มีการเดินทางเข้าออก ประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง จึงตามจับตัวยาก เสี่ยโจ้มีหนังสือเดินทางประเทศกัมพูชาติดตัว ทางตำรวจกำลังตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่ และจากนี้จะนำตัวส่ง ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท. จิรภพ ยังได้จัดตั้งคณะทำงาน ให้ดำเนินคดีกับผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งเก่าและใหม่ โดยจะขยายผลตรวจสอบทรัพย์สิน คดีฟอกเงิน และจะดำเนินการอย่างละเอียดทั้งหมด