บรรยิน ชู 3 นิ้ว หลังศาลอนุญาตเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปอีก 60 วัน

บรรยิน ขอขยายเวลาส่งบัญชีพยาน และคำแถลงคัดค้าน 60 วัน ด้านน้องสาวผู้เสียชีวิตยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นโจทก์ร่วมในคดี

วันนี้(22 มิ.ย. 63) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ในคดีที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ กับพวก รวม 6 คน ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง

ภาพจากอีจัน
สำหรับการพิจารณาคดี ทางศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ใช้ห้องพิจารณาคดี 703 ชั้น 1 ซึ่งเป็นห้องใหญ่ที่ไว้ใช้พิจารณาในคดีสำคัญ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเบิกตัวจำเลยไปชั้น 7 ที่เป็นห้องพิจารณาคดีทั่วไป เพื่อลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ศาลได้เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 เข้ามาภายในห้องพิจารณาคดี ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ ไม่มีทีท่ากังวลหรือเครียด จากนั้น พ.ต.ท.บรรยิน ได้ตรวจพยานหลักฐานที่ทางทนายความเตรียมมากว่า 2 ลัง ประมาณ 10 กว่าแฟ้ม จำนวนกว่า 4 พันหน้า
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
และในเวลา 10.45 น. ผู้พิพากษาได้นั่งบัลลังก์ เพื่อนำตรวจพยานหลักฐาน โดยศาลระบุว่า วันนี้จะเป็นการพิจารณาพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ และให้เวลาฝ่ายจำเลยในการตรวจพยานหลักฐาน 30 วัน ขณะที่ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ได้แถลงต่อศาลพร้อมขอความเมตตาขยายเวลาในการตรวจสอบพยานหลักฐาน เนื่องจากตนเองถูกคุมขังอยู่ในห้องขังเดี่ยว และยังถูกเคลื่อนย้ายเรือนจำจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มายังเรือนจำกลางบางขวาง"ผมไม่ได้อุ้มฆ่าผู้พิพากษา วันเกิดเหตุไม่ได้อยู่สถานที่เกิดเหตุ ผมถูกคุมขังเยี่ยงสัตว์ จนเครียดผูกคอตายแต่ผู้คุมช่วยได้ทัน รวมถึงไม่มีเวลาอ่านเอกสาร เพราะเอาเอกสารเข้าเรือนจำไม่ได้" พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว ทั้งนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ยังแถลงต่อศาลถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ตนพยายามวางแผนแหกคุดหลบหนีนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาตนถูกคุมขังเดี่ยวและไม่ได้ติดต่อกับใคร จึงทำให้ตนเกิดความเครียดจนพยายามผูกคอเพื่อฆ่าตัวตาย อีกทั้งตนยังต้องขึ้นศาลทุกสัปดาห์ ทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นเอกสาร หรือ พิจารณาเอกสารทั้งหมดได้ ทำให้ตนเสียเปรียบในการต่อสู้คดี ทำให้ที่ผ่านมาตนให้การปฏิเสธในทุกข้อหาก่อน โดย พ.ต.ท.บรรยิน ได้ขอเวลาเพิ่มอีก 30 วัน เป็น 60 วัน ในการตรวจพยานหลักฐาน ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามที่จำเลยที่ 1 ปฏิเสธมาตลอด โดยระบุว่า เคยแถลงต่อศาลว่าถูกกลั่นแกล้ง ถูกจำเลยที่ 2 ใส่ร้าย และที่ผ่านมาจำเลยที่ 1 ไม่มีเวลาในการตรวจเอกสารพยานหลักฐาน ซึ่งคำร้องที่ทนายขอเลื่อนการตรวจพยานหลักฐาน เนื่องจากเตรียมบัญชีพยานหลักฐานไม่ทันนั้น ศาลจึงอนุญาตให้จำเลยที่ 1 สามารถส่งเพิ่มเติมภายในระยะเวลา 60 วัน ตามที่ร้องขอได้ นอกจากนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ยังขอความเมตตาต่อศาลในการให้ภรรยาและลูก เข้ามาร่วมรับฟังในครั้งต่อไปเพื่อเป็นการปรึกษา แต่ทางศาลไม่อนุญาต เพราะมีห้องวีดิโอคอนเฟอเร้นท์อยู่แล้ว ส่วนวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ศาลยังคงนัด จำเลยที่ 2-6 ในการตรวจพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ พร้อมจะระบุวันนัดตรวจพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย โดยเป็นของจำเลยที่ 1 อีกครั้งซึ่งจะเป็นวันไหนนั้นจะแจ้งในวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ขณะที่ ทนายความของ พ.ต.ท บรรยิน จำเลยที่ 1 ระบุสั้นๆ หลังออกจากศาลว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์นำมายื่นต่อศาลในวันนี้ เบื้องต้นพบว่าเอกสารที่โจทก์นำมาอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด ตนจึงได้ร้องต่อศาลเพื่อขอเพิ่มเวลานัดตรวจสอบพยานหลักฐาน จากเดิม 30 วัน เป็น 60 วัน รายงานระบุด้วยว่า น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ น้องสาวผู้เสียชีวิต ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นโจทก์ร่วมในคดี เนื่องจากเป็นผู้เสียหายโดยตรง โดยศาลอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วม ด้านการรักษาความปลอดภัยภายในห้องพิจารณาคดีนั้นมีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน คุ้มกันภายในห้องพิจารณา และยืนคุมหน้าห้องพิจารณาอีก รวมถึงมีตำรวจศาลคอยดูแลอีกชั้นหนึ่ง ขณะที่เมื่อเวลา 12.20 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ขึ้นรถเรือนจำกลางบางขวาง กลับไปยังเรือนจำกลางบางขวาง โดยขณะอยู่บนรถเรือนจำ พ.ต.ท.บรรยิน ได้ชูนิ้ว 3 นิ้วให้กับสื่อมวลชน ก่อนเคลื่อนตัวออกจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ภาพจากอีจัน
สำหรับคดีดังกล่าว พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ทั้งหมด 6 คน โดยมี 1.พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1 2.นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี 3.นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี 4.นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี 5.นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี 6.ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี จำเลยที่ 1-6 ในความผิด 9 ข้อหา 1.ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289 2.ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313 3.ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310 4.ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139,140 5.ฐานเป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210 6.ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปมาตรา 213 7.ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199 8.ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 150 ทวิ 9.ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน มาตรา 145 ประกอบป.อ.มาตรา 33,80,83,91,92 นอกจากนี้ยังยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ข้อหาที่ 10 คือ ฐานสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา มาตรา 146

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ คดีบรรยิน อุ้มฆ่าเผาพี่ชายผู้พิพากษา
ฝากขัง "บรรยิน" พร้อมพวก คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
เปิดพฤติการณ์ บรรยินกับพวก อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สืบพยานใกล้ชิดล่วงหน้า 4 ปาก คดีฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
เบิกตัว “บรรยิน” สืบพยานคดีฆาตกรรมเสี่ยชูวงษ์