ส.ธนาคารไทย บอก 6 วิธีกันแอปดูดเงิน หลังนักข่าวดังโดนหลอกสูญเป็นล้าน

ไม่อยากซ้ำรอยนักข่าวดัง เจออ้างชื่อกรมที่ดิน หลอกดูดเงินสูญเป็นล้าน ‘ สมาคมธนาคารไทย’ ออกโรงเตือน เฉลย 6 วิธีป้องกัน

สะเทือนทั้งวงการการเงินธนาคารอีก หลังมิจฉาชีพเหิมเกริมหนักมามุกใหม่ กระตุกหนวดผู้ประกาศข่าว ชื่อดัง น.ส.ประวีณมัย บ่ายคล้อย อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ซึ่งแยบยลถึงขนาดมีข้อมูลเอกสารต่างๆ ของผู้เสียหายทั้งหมด ยิ่งทำให้ตายใจ แจ้งให้อัปเดตข้อมูลที่ดินเสียภาษี ก่อนให้แอดไลน์ ติดตั้งแอปพลิเคชัน สุดท้ายถูกดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร สูญไปกว่า 1 ล้านบาท

ล่าสุด สมาคมธนาคารไทย ออกตัวล้อฟรีชี้แจงว่า ทางธนาคารสมาชิกที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเหตุดังกล่าว และดำเนินการระงับธุรกรรมชั่วคราวทันที เมื่อได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย และแจ้งให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจที่สะดวกหรือใกล้ที่สุด เพื่อขยายระยะเวลาการระงับธุรกรรมชั่วคราวไปอีก 7 วัน

และดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามที่กฎหมายกำหนด ขณะนี้ ธนาคารที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างประสานกับผู้เสียหาย และเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียด เพื่อรวบรวมข้อมูลให้กับพนักงานสอบสวนต่อไป ติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม ขอประชาชนร่วมมือดังนี้ 1.ไม่ดาวน์โหลดโปรแกรมจากแหล่งอื่น นอกจากแหล่งที่ได้รับการควบคุมและรับรองความปลอดภัยจากผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่เป็น Official Store อาทิ Play Store หรือ App Store เท่านั้น 2.ไม่ตั้ง password ซ้ำ หรือ ใช้ร่วมกับ Mobile Banking 3.ไม่ทำการสแกนใบหน้า หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก

4.ไม่กดลิงก์จาก SMS แปลกปลอม โดยภาคธนาคารไม่มีนโยบายส่งข้อความ SMS แนบลิงก์ทุกชนิด หรือมีข้อความให้แอด Line ID หากได้รับ SMS ดังกล่าว อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด 5.ควรสังเกตโล่ ที่อยู่ด้านหน้า Line account เสมอ ซึ่งควรมีโล่สีเขียว หรือน้ำเงินเข้ม เท่านั้น และ 6.หากต้องการทำธุรกรรมใดๆ ควรโทรกลับไปที่หน่วยงานที่ถูกแอบอ้างด้วยตนเอง

ด้าน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ไม่รอช้า ร่วมกับ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (สตช.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ

ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการให้ความเห็นชอบ ระบบหรือกระบวนการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลตามมาตรา 4 แห่งพระราชกําหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 วันนี้ (11 ส.ค.66)

ซึ่ง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดีอีเอส กล่าวว่า ตอนนี้ อยู่ระหว่างตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมเตือนไปยังทุกธนาคาร ซึ่งรัฐบาลได้ออกพ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ มาตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว ทั้งเพิ่มโทษผู้กระทำความผิด และให้อำนาจ ธนาคารทุกธนาคาร ระงับบัญชีม้าได้ทันทีที่มีผู้เสียหายมาร้องเรียน โดยไม่ต้องไปแจ้งความหรือแจ้งตำรวจก่อน เพื่อดึงเงินที่ไหลไปกลับมาได้มากที่สุด

ดังนั้น การที่ธนาคารไม่ยอมระงับบัญชีม้า หรือดำเนินการล่าช้า ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ได้พูดคุยกับแบงก์ชาติมาโดยตลอด ส่วนตัวคิดว่า ทุกธนาคารทราบดี และมีระบบรองรับอยู่แล้ว แต่ทำไมยังเกิดเรื่องแบบนี้อยู่ ก็ต้องตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน

“เรื่องที่เกิดขึ้นต้องตรวจสอบว่า มีปัญหาข้อมูลรั่วไหลจากกรมที่ดิน ด้วยหรือไม่ โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) จะเข้าไปตรวจสอบว่ากรมที่ดิน มีระบบมาตรการป้องกัน หรือมีปัญหาการรั่วไหลจริงหรือไม่ หรือมีเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินนำข้อมูลไปขาย ซึ่งจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด” นายชัยวุฒิ กล่าว

หากใครยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้เคยเกิดกรณีเจ้าหน้าที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ นำข้อมูลส่วนบุคคลไปขายในตลาดมืด และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีแล้ว ซึ่ง ‘อีจัน’ ก็หวังอย่างยิ่ง ว่าครั้งนี้จะไม่ซ้ำรอยอีก