CIB รวบ 2 ผู้บริหารตุ๋นทองคำ สะพัด 600 ล้าน

สอบสวนกลาง บุกรวบ 2 ผู้บริหารบริษัทค้าทองดัง ตุ๋นขายทองคำ ผู้เสียหายนับร้อย ยอดสะพัด 600 ล้านบาท

(25 มิ.ย. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้นำหมายค้นของศาลอาญา เข้าตรวจค้นบริษัทค้าทองแห่งหนึ่ง พื้นที่ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ พร้อมควบคุมตัว นายพิพัฒน์ และ นายอาศุพล 2 ใน 3 ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ มาสอบสวน พร้อมทั้งตรวจค้นและยึดเอกสารหลักฐานการทำธุรกรรมและข้อมูลลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ/ขาย/ฝากทอง และเงิน 

การเข้าตรวจค้นและจับกุมครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทค้าทองดังกล่าว ในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ เบื้องต้นมีผู้เสียหายกว่า 100 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 600 ล้านบาท พบส่วนใหญ่เป็นร้านทองรายย่อย 

สืบทราบเบื้องต้น บริษัทค้าทองดังกล่าวดำเนินธุรกิจมานานนับ 10 ปี แต่เพิ่งมาประสบปัญหา ไม่สามารถซื้อทองคำหรือโอนเงินให้ลูกค้าได้เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าผู้บริหารบางรายของบริษัท มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน โดยความเสียหายเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 13-27 มีนาคม 2568

  • ขายทองแต่ไม่ได้รับเงิน ผู้เสียหายส่งมอบทองให้กับบริษัทตามกำหนด แต่ถึงวันนัดรับเงินกลับไม่ได้รับการชำระ 
  • ถอนทองคำประกันไม่ได้ทองคำที่ฝากไว้เป็นหลักประกันไม่สามารถถอนคืนได้ โดยบริษัทอ้างว่าไม่มีทองคำให้ 
  • นำทองเก่ารีไฟน์เป็นทองแท่งแต่ไม่ได้รับคืน เมื่อถึงวันนัดรับทองแท่งกลับไม่ได้รับทองคืน 

ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกัน และทราบภายหลังว่าบริษัทค้าทอง ได้เริ่มไม่จ่ายเงินให้กับลูกค้ารายแรก มูลค่า 106 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2568 แต่บริษัทยังคงดำเนินการรับซื้อทองอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงจูงใจให้ราคาสูงกว่าราคาตลาด และขอรับทองไปก่อน ทั้งที่ทราบดีว่า สถานะทางการเงินของบริษัทไม่สามารถชำระคืนลูกค้าได้

และที่น่าตกใจคือ แม้บริษัทจะสามารถนำทองของผู้เสียหายไปขายให้กับโบรกเกอร์รายใหญ่และนำเงินมาชำระคืนได้ แต่ทางบริษัทกลับปฏิเสธว่าไม่มีเงินจ่ายคืน และเมื่อถูกขอทองคืน กลับบ่ายเบี่ยงว่าทองไม่มีแล้ว 

ซึ่งลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีดังกล่าว เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 68 ผู้เสียหายรวมตัวกันครั้งแรก หลังบริษัทค้าทอง ซึ่งเป็นบริษัทค้าส่งทองคำรายหนึ่งของสมาคมค้าทองคำย่านวังบูรพา ประกาศปิดตัวชั่วคราว ก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 400 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว ต่อมา (18 เม.ย. 68) ผู้เสียหายรวมตัว พร้อมกับอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เพื่อขอให้เป็นตัวแทนผู้เสียหายในการเรียกร้องความยุติธรรมผ่านสื่อ 

ตลอดช่วงเดือนเมษายน บริษัทได้ติดต่อลูกค้าหลายราย ให้เซ็นเอกสารไม่ดำเนินคดีทางแพ่งและอาญา โดยอ้างว่าจะโอนเงินคืน แต่กลุ่มผู้เสียหายทราบว่า เป็นเพียงการโอนคืนรายย่อยเพียงเล็กน้อย เสมือนเป็นการสร้างหลักฐานว่าได้บรรเทาความเสียหาย เพื่อเปลี่ยนคดีอาญาเป็นคดีแพ่ง ซึ่งเชื่อได้ว่าการกระทำของบริษัทมีเจตนาฉ้อโกงประชาชน

ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายได้ตั้งข้อสังเกตต่อการบริหารงานของบริษัทค้าทอง แม้จะรู้ตัวว่าไม่สามารถจ่ายเงินและส่งคืนทองได้ แต่กลับมีเจตนาให้พนักงานชวนเร่งส่งทองและส่งเงิน พร้อมบ่ายเบี่ยงการคืนเงินและทองหลังจากประกาศปิดบริษัท และตัดขาดการติดต่อกับลูกค้าบางรายที่มียอดหนี้สูง

กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทค้าทองทั้ง 3 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ , นายอศุพล และ นายนวคุณ ได้อ้างว่าเป็นการบริหารงานผิดพลาด แต่ผู้เสียหายไม่เชื่อจนนำไปสู่การขาดสภาพคล่อง เนื่องจากทุกอย่างมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายในการเอาผิดของผู้เสียหาย แต่การกระทำส่อไปในเจตนาให้ได้มาซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นโดยไม่สุจริต ซึ่งถือเป็นการจงใจในการกระทำผิด 

ภายหลัง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนทำคดีนี้ ประกอบด้วยพนักงานสอบสวนจาก บก.ป. บก.ปอศ. และ บก.ปคบ. โดยมี พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะขอหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นและควบคุมตัวกรรมการบริษัทค้าทองทั้ง 2 ราย มาดำเนินคดีตามกฎหมาย