9 เดือนแห่งความหวัง…
จบลงด้วยเสียงเงียบงันของทารกแรกเกิด
วันนี้ (26 มิ.ย. 68) เวลา 14.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี พาแม่วัย 19 ปี และ ยายวัย 43 ปี ซึ่งเพิ่งสูญเสีย “ลูกคนแรก” จากเหตุสุดสะเทือนใจ ขณะไปคลอดที่โรงพยาบาลในจังหวัดนครปฐม เข้าพบ นายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม (สสจ.) และ นางกิจติยา ใสสอาด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม เพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา และตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา เด็กน้อยที่อยู่ในครรภ์ครบ 9 เดือน กำลังจะลืมตาดูโลก แม่ของเขาเจ็บท้องตั้งแต่ตี 2 รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม น้ำคร่ำและเลือดเริ่มไหลออก ปากมดลูกเปิดถึง 8 เซนติเมตร ทารกพร้อมคลอด…แต่พยาบาลกลับสั่งให้แม่ “อั้นไว้ก่อน” โดยให้นอนตะแคงหนีบขาไขว้หลัง อ้างว่ายังไม่ถึงเวลา และมีเคสฉุกเฉินเข้ามา
จนกระทั่งเวลาเกือบ 9 โมง เด็กจึงคลอดออกมา
แต่ช้าเกินไป…
ลูกน้อย ขาดออกซิเจน สำลักขี้เทา ต้องส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลอีกแห่ง ซึ่งใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง เด็กรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งที่ 2 ระหว่างวันที่ 18-23 มิ.ย. 68
สุดท้าย… เขาจากไปในวันที่ 23 มิ.ย. 68 เวลา 10.47 น. อายุได้เพียง 5 วัน แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของลูกน้อย คือ “ภาวะสำลักขี้เทา”
แม่วัย 19 ปี และยายวัย 43 ปี ต่างร่ำไห้แทบขาดใจ สูญเสียหลานและลูกที่เฝ้าทะนุถนอมมา 9 เดือน จึงอยากให้โรงพยาบาลปรับปรุงการให้บริการดูแลเอาใจใส่ผู้ป่วยให้มากกว่านี้
ต่อมา วันที่ 25 มิ.ย. 68 ครอบครัวจึงเดินทางมาร้องทุกข์ต่อมูลนิธิปวีณาฯ ขอความเป็นธรรม และขอให้โรงพยาบาลรับผิดชอบ ปรับปรุงมาตรฐานการดูแลคนไข้คลอดบุตร เพราะไม่มีครอบครัวไหนควรต้องเผชิญชะตาเช่นนี้
หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ได้ประสานงานด่วนไปยัง
- นพ.วิโรจน์ รัตนอมรสกุล สสจ.นครปฐม
- กระทรวงสาธารณสุข
- นางกิจติยา ใสสอาด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม
เพื่อดำเนินการ 3 เรื่องเร่งด่วน
- ตรวจสอบข้อเท็จจริงการให้บริการของโรงพยาบาลต้นเหตุ
- ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของทารกอย่างโปร่งใส
- เยียวยาเร่งด่วนครอบครัวที่สูญเสีย ผ่านมาตรา 41 และมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ
ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. นางปวีณาฯ พาแม่เด็กและครอบครัวเข้าพบ นพ.วิโรจน์ รัตนอมรสกุล สสจ.นครปฐม และ นางกิจติยา ใสสอาด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม เพื่อประชุมร่วมกันหาทางออกอย่างเป็นธรรมให้กับครอบครัวที่บอบช้ำ
เบื้องต้น นพ.วิโรจน์ฯ ได้มอบเงินช่วยเหลือส่วนตัวแก่ครอบครัวพร้อมยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการเงินเยียวยาตามมาตรา 41 ภายใน 1-2 เดือน วงเงินเยียวยาคาดว่าอยู่ระหว่าง 320,000-400,000 บาท
แต่เงินไม่อาจซื้อชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับ
เสียงจากหัวใจของแม่คนหนึ่ง ขอเพียงแค่…
“ให้ลูกหนูเป็นคนสุดท้ายที่ต้องตายเพราะการรอคอยในห้องคลอด”
เรื่องราวของเธอ อาจเป็นแค่บรรทัดหนึ่งในรายงานข่าว
แต่สำหรับครอบครัวเล็ก ๆ นี้ มันคือความสูญเสียที่ไม่มีวันจาง
อีจัน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของชีวิตน้อย ๆ และขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวด้วยนะครับ