CIB บุกทลายรังแก๊งคอลฯ หลอกลงทุนพันธบัตรออสซี่

CIB ร่วมกัน AFP เปิดปฏิบัติการ Firestorm ทลายรังแก๊งคอลเซนเตอร์ข้ามชาติ ฝังตัวในไทย หลอกต้มตุ๋นชาวออสเตรเลียลงทุนพันธบัตร เสียหายกว่า 31 ล้านบาท

วันนี้ (17 มิ.ย. 68) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วม AFP (Australia Federal Police) ร่วมแถลงปฏิบัติการ Firestorm ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาต่างชาติ 13 ราย โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วย กฎหมาย หรืออั้งยี่ , เป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ประกอบอาชีพ หรือรับจ้างทำงาน โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ซึ่งสามารถตรวจยึดของกลาง ได้แก่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเอกสาร (คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์เน็ตเวิร์ค, คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค, สคริปต์การพูดชักชวนลงทุน, และโทรศัพท์มือถือ) รวม 58 รายการ

สืบเนื่องจาก ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ สำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย ได้ทำการสืบสวนพบกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นขบวนการกระทำความผิดหลอกลวงประชาชนในออสเตรเลีย ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในประเทศไทย และจัดตั้ง Boiler room (คอลเซ็นเตอร์) เพื่อหลอกลวงประชาชนชาวออสเตรเลียให้ร่วมลงทุนพันธบัตร โดยให้ผลตอบแทนสูงและกำหนดระยะเวลาในการคืนทุนประมาณ 1-3 ปี ให้ผลตอบแทนแบบคงที่ ร้อยละ 7-10 ต่อปี

สำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย จึงประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม และได้ร่วมกันทำการสืบสวนในเรื่องดังกล่าว พบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้เข้ามาอยู่ที่พัทยาตั้งแต่ ช่วงต้นปี 2567 และต่อมาได้ย้ายมาอยู่ กทม. โดยตัวการหลักได้มีการนัดพบที่โรงแรมแห่งหนึ่ง บริเวณแขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ภายหลังจึงได้สะกดรอยติดตามดูพฤติกรรมขบวนการดังกล่าวจนพบว่า ได้เดินทางไปยังบ้านพัก ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าบ้านหลังดังกล่าว มีการลงประกาศขายในราคา 70 ล้านบาท หรือให้เช่าเดือนละ 120,000 บาท โดยมีพื้นที่ขนาด 1 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณหน้าบ้านเป็นซอยตัน มีกล้องวงจรปิดจำนวน 1 ตัว โรงจอดรถมีผ้าใบกั้นและมีคน เปิด-ปิด ผ้าใบขณะรถเข้า-ออก จากบ้านหลังดังกล่าว

จากการเฝ้าสังเกตการณ์ พบว่า มีรถเข้าตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น. และจะออกในเวลาประมาณ 15.30 น. (ตรงกับเวลาทำงานเมืองซิดนีย์ คือ 09.00 เลิก 18.00) , พบรถยนต์เข้า-ออกบ้านหลังดังกล่าวหลายคัน พฤติการณ์คือช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ขณะที่รถยนต์จำนวน 4 คัน ขับเข้ามาในบ้านจะมีคนดูแลบ้านคอยเปิดม่านโรงจอดรถ เมื่อรถเข้ามาจอด จะทำการปิดม่านลงเพื่อไม่ให้เห็นคนในรถ จากนั้นเวลาประมาณ 15.30 น. เมื่อรถต้องการจะออกจากบ้าน คนดูแลบ้านจะทำการเปิดม่านให้รถยนต์ทยอยออก และปิดม่านไว้ตามเดิม

จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ขอขออนุมัติหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านพัก ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ต่อมา (16 มิ.ย.68) เวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เข้าตรวจค้น พบชาวต่างชาตินั่งอยู่ภายในห้องโถงชั้น 1 ของบ้านในลักษณะมีแผงกั้นระหว่างบุคคล (คล้ายสำนักงาน) ขณะเข้าทำการตรวจค้นผู้ต้องหาได้อยู่ในลักษณะกำลังโทรศัพท์อยู่ทุกโต๊ะ มีเครื่องคอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ค, โทรศัพท์มือถือ, เอกสารข้อความ, สคริปต์การพูดคุย, เอกสารที่เกี่ยวกับข้อมูลบริษัทฯ และพันธบัตรที่ชักชวนลงทุน ซึ่งอ้างว่ามีบริษัทฯ อยู่จริงในต่างประเทศ และภายในคอมพิวเตอร์พบข้อมูลรายชื่อบุคคลชาวออสเตรเลียอีกกว่า 14,000 ราย (ชาวออสเตรเลียทั้งหมด) ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยมีการยืนยันแล้วว่ารายชื่อบางส่วนถูกขบวนการดังกล่าวหลอกลวงจริง จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบความเสียหายมากกว่า 1.5 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือกว่า 31 ล้านบาท

จากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของผู้ต้องหา โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเพื่อทำงาน (วีซ่าทำงาน) และจากการสอบถามใบอนุญาตการทำงานของผู้ต้องหาฯ ผู้ต้องหาทั้งหมดรับว่าตนไม่ได้รับอนุญาตฯ ในการทำงานหรือมีใบอนุญาตทำงานแต่อย่างใด และไม่สามารถนำมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้

เบื้องต้น กลุ่มผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และให้การว่ามีเพื่อนชักชวนและพบเห็นประกาศหางานผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อเข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ โดยมีค่าตอบแทนประมาณ 3,000 เหรียญออสเตรเลีย (ราว 6.3 หมื่นบาท) และมีค่าคอมมิชชั่นร้อยละ 2.5 จากการทำงาน ซึ่งมีหน้าที่ทำงานโทรชักชวนลูกค้าให้มาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ โดยโทรชักชวนรายชื่อตามที่ได้รับจากบริษัทฯ เพื่อลงทุน