ฆาตกรเหี้ยม สังหาร 4 ศพ! ยอมรับเตรียมการก่อนลงมือฆ่า 1 สัปดาห์

ทำแผนฆาตกรโหด ฆ่า 4 ศพ ที่ จ.ชุมพร คนร้ายยอมรับ เตรียมการมานานแล้วกว่า 1 สัปดาห์ อ้างเหตุจูงใจโดนขโมยขี้ยาง-ตัดต้นไม้ อ้างแจ้งตำรวจแล้วไม่คืบหน้า แต่ตรวจสอบแจ้งความไม่มีในระบบ

จากกรณี ฆาตกรโหด สังหาร 4 ศพ ที่ อ.นาสัก จ.ชุมพร ซึ่งตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ไม่รอด! ตร.บุกรวบไอ้เหี้ยม ฆาตกรเลือดเย็น สังหาร 4 ศพ ที่ จ.ชุมพร

ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค. 66) เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร นำกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) จ.ชุมพร ออกจากกองร้อยในพื้นที่ ต.นาชะอัง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร มุ่งหน้า สภ.นาสัก อ.สวี เพื่อคุ้มกันนายประพันธ์ ผู้ต้องหาคดี ฆ่า 4 ศพ ที่ จ.ชุมพร พร้อมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ต่อมา 11.34 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ได้คุมตัว นายประพันธ์ ผู้ต้องหา ออกจากห้องขัง ไปยังห้องประชุมชั้น 2 โดยมี พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร ,พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร ,พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก และเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี ร่วมสอบสวน

พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากการสอบสวน นายประพันธ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุยิงทั้ง 4 ศพ จริง ซึ่งแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ นายประพันธ์อ้างว่า ผู้เสียชีวิตมาขโมยขี้ยางของสวนตัวเอง และ อ้างอีกว่า ได้ทำการแจ้งความ ที่ สภ.นาสัก ไปแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ แต่จากการตรวจสอบ การแจ้งความของ สภ.นาสัก ไม่พบว่ามีการแจ้งความ ตามที่นายประพันธ์กล่าวอ้าง อีกทั้งยังให้การปฏิเสธ เรื่องการขโมยรถของผู้ตาย ที่ตนเองใช้หลบหนีไป จ.สุราษฏร์ธานี

ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหายังให้การขัดแย้งกันอยู่ พอพนักงานสอบสวน สรุปสำนวนได้ว่า นายประพันธ์ เป็นผู้กระทำผิดจริง จากการรับสารภาพเองและพยานหลักฐานอื่นๆ ส่วนอาวุธปืนที่ก่อเหตุ ตอนนี้ยังหาไม่เจอ ในส่วนของการที่มีกลุ่มบุคคลมาช่วยพาคนร้ายหนีนั้น อยู่ระหว่างการขยายผล คาดว่ามี 1-2 คน

นอกจากนี้ ผลของการตรวจร่างกายของ นายประพันธ์ พบสารเสพติด แต่ต้องรอผลอีกสักระยะ ว่าเป็นกัญชาหรือยาบ้า แต่เจ้าตัวยอมรับว่า เสพกัญชาทุกวัน หลังที่มีกฎหมายกัญชาเสรี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฐานความผิด

1.ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา

2.วางเพลิงเผาทรัพย์

3.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ไป ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

4.พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

5.ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน

นอกจากนี้ จะทำการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม นั่นก็คือ “ก่อเหตุโดยเตรียมการไว้ก่อน” เพราะนายประพันธ์ ยอมรับสารภาพว่าเตรียมการก่อเหตุมาก่อนนานถึง 1 สัปดาห์

ต่อมาตำรวจพานายประพันธ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตามจุดต่างๆ ดังนี้

จุดที่ 1 คนร้ายซื้อกระสุนปืนลูกซอง ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ม.5 ต.นาสัก

จุดที่ 2 ร้านค้าที่ซื้อน้ำมันหมู่ 19 บ้านตาหลัดห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กม.

จุดที่ 3 เป็นจุดที่ยิงนายประยงค์ โดยคนร้าย ขึ้นไปยืนยิงบนเนินสูง ริมถนนห่างจากตัวผู้ตายประมาณ 6-7 เมตร

จุดที่ 4 เป็นจุดที่คนร้ายเอาน้ำมันที่บรรจุอยู่ในขวดน้ำอัดลมหลังก่อนเหตุยิงเผา นำมาทิ้งในพงหญ้า

จุดที่ 5 คนร้ายนั่งรออยู่ร่องถนนในสวนยางพาราก่อนที่แรงงานชาวเมียมมาขับรถจยย.ผ่านมา ตนจึงลุกออกจากจุดนั่งรอพร้อมกับตะโกนถามว่า จะไปไหน พอสิ้นเสียงจึงชักปืนยิงทันที และจุดไฟเผาในเวลาต่อมา

ในส่วนของ วันเกิดเหตุนายประพันธ์ ได้เดินขึ้นไปยังบ้านพักของ คนงานตัดยางชาวเมียนมา ที่มีนายน้องนอนอยู่หน้าบ้าน เมื่อนายประพันธ์เห็น จึงชักปืนยิงทันที และเดินเข้าบ้านไปยิงอีกคน ขณะที่กำลังนอนหลับ

หลังจากนั้นก็เดินลงมาเจอนายประยงค์ คนร้ายจึงใช้ปืนยิงจนเสียชีวิต ก่อนที่คนร้ายจะใช้ทางมะพร้าวแห้ง คลุมศพไว้ ในขณะนั้นเอง มีชาวเมียนมาอีกหนึ่งคน ขี่รถ จยย.ผ่านมาพอดี คนร้ายจึงวิ่งไปดักรอ พร้อมตะโกนถามว่า “ไปไหน” และชักปืนยิงเข้าที่หัว พร้อมจุดไฟเผา

หลังจากนั้นคนร้ายได้เดินไปบ้านพักชาวเมียน ที่มีพ่อแม่ลูกสามคน แต่ไม่เจอ ก็เลยหันยิงสุขันตายแทน ซึ่งนายประพันธ์อ้างกับตำรวจว่าได้ยินเสียงหมาพูดว่า “คนมา”

ทั้งนี้ หลังก่อเหตุเสร็จ คนร้ายได้เดินกลับไปเอารถกระบะ ของนายประยงค์ ที่จอดอยู่ใกล้ศพ และทำการขับหนีออกนอกพื้นที่พร้อมอาวุธปืน มุ่งหน้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนไปเกิดอุบัติเหตุ ในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ ก่อนจะถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา