วันนี้ (16 ก.ค.68) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศวานนี้ (15 ก.ค.) ระบุถึงการเจรจาทางภาษีกับประเทศอินโดนีเซีย หลังจากได้พูดคุยกับประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต
โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากอินโดนีเซียที่ระดับ 19% เป็นอัตราน้อยลงเมื่อเทียบกับวันที่ 7 ก.ค. ที่สหรัฐฯ ส่งหนังสือแจ้งการจัดเก็บภาษีระดับ 32% เท่ากับช่วงที่มีการประกาศจัดเก็บภาษีไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.
ขณะเดียวกัน อินโดนีเซีย จะไม่มีการจัดเก็บภาษีสหรัฐฯ หากมีการส่งออกสินค้าเข้าประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งสหรัฐฯ ระบุว่าการบรรลุข้อตกลงที่สำคัญนี้จะเปิดตลาดทั้งหมดของอินโดนีเซียสู่สหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งการตกลงนี้จะมีผลในวันที่ 1 ส.ค.นี้
ข้อตกลงของอินโดนีเซีย ดังนี้
1.อินโดนีเซียได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์
2.ซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 4.5 พันล้านดอลลาร์
3.ซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 50 ลำ ซึ่งหลายลำเป็นรุ่น 777
4.เป็นครั้งแรกที่ชาวไร่ ชาวนา และชาวประมงของสหรัฐฯ จะสามารถเข้าถึงตลาดอินโดนีเซียที่มีประชากรกว่า 280 ล้านคนได้อย่างสมบูรณ์และครบถ้วน
ข้อกำหนดจากฝ่ายสหรัฐ ดังนี้
1.สหรัฐจะเก็บภาษีแบบต่างตอบโต้กับสินค้าอินโดนีเซียทุกชนิดที่นำเข้าในอัตรา 19 % จาก 32 %
2.สินค้าสหรัฐจะเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียโดยปลอดภาษี รวมถึงมาตรการอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
3.สำหรับภาษีทางผ่าน มีข้อกำหนดว่า หากประเทศใดๆก็ตามที่มีอัตราภาษีสูงกว่าใช้อินโดนีเซียเป็นทางผ่าน สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านั้นตามอัตราของประเทศนั้นๆ รวมเข้ากับอัตราภาษีที่อินโดนีเซียจะต้องจ่าย
“ขอบคุณประชาชนชาวอินโดนีเซียสำหรับมิตรภาพและความมุ่งมั่นในการรักษาสมดุลการขาดดุลการค้าของเรา เราจะยังคงส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชาวอเมริกันและประชาชนชาวอินโดนีเซีย”นายทรัมป์กล่าว