
วันนี้ (17 ส.ค.67) จากปัญหาทุนจีนเข้าทำธุรกิจในไทยมากขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงกับการทำธุรกิจของคนไทยอย่างมาก เรื่องนี้ นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มี 6 ธุรกิจในประเทศไทยถูกทุนจีนกินรวบทั้งระบบธุรกิจทั่วประเทศไทย ซึ่งทางสมาชิกในสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยมีความกังวล จึงมีการสรุปและสะท้อนปัญหาที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินแก้ไข
นายแสงชัยกล่าวว่า โดยสมาพันธ์ฯ จะเดินหน้านำปัญหาดังกล่าว เพื่อสะท้อนถึงรัฐบาล และอาจมีการเข้าร่วมหารือกับรัฐบาลด้วย ต้องการให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะทุนจีนเข้ามารุกตลาดไทยและทำลายระบบธุรกิจ ซึ่งกลุ่มทุนจีน 6 กลุ่มที่เข้ามากินรวบทั้งระบบธุรกิจไทย อาทิ
ข่าวน่าสนใจอื่น
1.การดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทย โดยบางส่วนมีการได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้ อีกทั้งมีการใช้นอมินีเป็นคนไทย เข้าใจว่าปราบยาก แต่ธุรกิจที่จะเข้ามาตั้งในไทยต้องมีการตรวจสอบเด็ดขาดมากขึ้น
2.ธุรกิจนำเที่ยว หรือทัวร์จีนศูนย์เหรียญ ที่คนจีนจะมีบริการทำธุรกิจนำเที่ยว โดยรับนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาในไทย แต่ใช้ไกด์คนจีน รวมถึงที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ล้วนเป็นร้านที่ตั้งโดยคนจีน และมีนอมินีเป็นคนไทย ทำให้เงินที่ได้จากธุรกิจนี้ไม่เข้าคนไทย และธุรกิจไทยด้วย
3.แบรนด์สินค้าของคนไทยผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภค แต่ถูกปลอมสินค้าและขายโดยคนจีน จากนั้นขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดว่าสินค้าที่ถูกละเมิดเป็นของคนไทย แต่ความจริงแล้วสินค้าตัวนั้นนำเข้าจากจีน รวมถึงการปล่อยให้มีสินค้าต่ำกว่ามาตรฐานที่ไทยกำหนดผ่านด่านเข้าไทยอย่างง่ายดาย
4.รับเหมาต่อเติมก่อสร้างบ้าน เป็นธุรกิจที่กลุ่มทุนจีนเข้ามาตั้งบริษัทในไทย แต่นำเข้าทั้งอุปกรณ์ก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างนำเข้าจากจีนทั้งหมด รวมถึงแรงงานก็เป็นชาวจีน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรการฟรีวีซ่า เมื่อดำเนินการแล้วมีทั้งผลดีและผลลบ ซึ่งเป็นช่องโหว่ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจไทยเป็นอย่างมาก
5.โลจิสติกส์ ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยถูกกลืนกินจากการเข้ามาของจีน ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เช่น รถบรรทุก ผู้ประกอบการ และแรงงาน ซึ่งเป็นผลจากที่รัฐบาลจีนมีนโยบายผลักดันให้ผู้ประกอบการออกมาเติบโตในต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศจีนเติบโตในระดับหนึ่งแล้ว จึงมีการขยายออกนอกประเทศต่อไป
6.คอนแทรคฟาร์มมิ่ง คือการทำสัญญาซื้อขายสินค้า หรือผลผลิตล่วงหน้า ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับการทำสัญญาระหว่างกัน ขณะนี้ทุนจีนเข้าไปตีเหมาราคา และจ้างปลูกผลไม้เกษตร และสินค้าเกษตร ที่น่ากลัวคือทุนจีนจ้างนอมินีซื้อที่ดินเพื่อเพาะปลูกแทนการทำสัญญาซื้อกับผู้ปลูกคนไทยโดยตรง

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย
นอกจากนี้ มีข้อกังวลเรื่องเทมู (TEMU) ทำให้กลไกการตลาดและกลไกลราคาถูกลดขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยลง เพราะสินค้าที่ขายในแพลตฟอร์มดังกล่าวมีการผลิตในจีน และมีการส่งโดยตรงถึงคนในประเทศไทย ขณะที่ช้อปปี้ และลาซาด้า ผู้ประกอบการไทยขายของออนไลน์ได้
“จากปัญหาดังกล่าวทำให้สมาชิก และทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะการเข้ามาของทุนจีนเข้ามาตัดตอนวงจรธุรกิจไทย หากทุนจีนสามารถทะลักเข้ามาในไทยได้ ก็อยากให้คนไทยสามารถนำสินค้าคุณภาพเข้าไปขายในต่างประเทศเช่นกัน”นายแสงชัยกล่าว

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นายแสงชัยกล่าวว่า กรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนของเอกชนก็มีความคาดหวังอย่างยิ่ง จากจุดเด่นที่นายกฯท่านใหม่เป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจะมีแนวคิดใหม่ ทันสมัย และทำงานเร็ว แต่มีข้อห่วงใยเรื่องทีมที่ให้คำปรึกษา หรือทีมงาน และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่สามารถผลักดันแนวนโยบายต่างๆ ได้ดี และต่อเนื่อง
“ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ มองมุมบวกกระแสโลกเปลี่ยนอาจได้แนวความคิดใหม่ๆ เข้ามาบริหารประเทศ”นายแสงชัยกล่าว
ทั้งนี้ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ผลักดันนโยบาย 5 เรื่องต่อรัฐบาล คือ 1.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ 2.มาตรการลดต้นทุน ค่าครองชีพ ของประชาชนและผู้ประกอบการ 3.การเข้าถึงแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำ และการแก้หนี้ทั้งระบบ 4.พัฒนาทักษะขีดความสามารถของผู้ประกอบการและแรงงาน และ 5.แก้ปัญหาด้านกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ