เปิดสถิติ 31 ปี การบริจาคอวัยวะประเทศไทย “เพิ่มขึ้น” แต่ “ยังขาด”

สภากาชาดไทย เปิดสติถิ 31 ปี แห่งการเดินทางของการบริจาคอวัยวะในประเทศไทย “เพิ่มขึ้น” แต่ “ยังขาด” อึ้ง! มีคนรอบริจาคมากกว่า 7,000 คน

การบริจาคอวัยวะอาจเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับผู้ป่วยนับพันคนในแต่ละปี มันคือโอกาสครั้งที่ 2 ของชีวิต

ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษ ประเทศไทยได้เดินหน้าผ่านบทเรียน การรณรงค์ และความเข้าใจของผู้คนในสังคม จนการบริจาคอวัยวะกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนเริ่มกล้าตัดสินใจ

จากข้อมูลของศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2537 ถึง 2568 มีพัฒนาการที่น่าจับตามองในหลายด้าน

ผู้บริจาคที่ลุกขึ้นมา “ให้”

จากเพียง 15 รายในปี 2537 ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนแตะระดับ 446 รายในปี 2566 ถึงแม้ว่าในปี 2567 ยอดผู้บริจาคจะลดลงเหลือ 436 ราย แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าคนไทยเริ่มเข้าใจ และเห็นความสำคัญของการ “ให้ชีวิตต่อ”

ผู้บริจาคส่งถึงผู้รับ

ขณะเดียวกันจำนวนผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเพียง 45 รายในปี 2537 ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนแตะระดับ 946 รายในปี 2567 และถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 30 ปี

ความตั้งใจที่ส่งต่อด้วยหัวใจ

จำนวนผู้ลงทะเบียนแสดงความจำนงบริจาคพุ่งขึ้นจากหลักหมื่นในช่วงแรก จนปี 2567 มีผู้แสดงความจำนงสูงถึง 135,619 ราย ในปี 2564 เป็นตัวเลขที่สะท้อนว่าคนไทยจำนวนมากพร้อม “ให้” แม้ในวาระสุดท้ายของชีวิต

สิ่งที่น่าเป็นห่วง

ปี 2568 ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนรอรับอวัยวะกับศูนย์รับอวัยวะสูงมากขึ้น ซึ่งมีมากถึง 7,555 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยปลูกถ่ายไต (กว่า 7,000 ราย) ตามด้วยตับ หัวใจ และอวัยวะอื่น ๆ

แต่…ความหวังยังไม่เพียงพอ

แม้แนวโน้มจะดีขึ้นทุกด้าน แต่ผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายยังมีจำนวนมาก ในปี 2567 มีมากถึง 7,486 ราย ซึ่งหมายความว่า “ความหวัง” ของใครบางคนยังคงต้องรอ

“เพราะอวัยวะหนึ่งชิ้น อาจเปลี่ยนชีวิตหนึ่งคน”

การแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไม่ใช่เพียงการตัดสินใจเพื่อใครบางคนในอนาคต แต่คือการส่งต่อความหวังที่จับต้องได้ในวันนี้

หากคุณกำลังมองหาการให้ที่มีความหมาย…
การให้ชีวิต คือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

เริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการลงทะเบียนแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ ผ่านช่องทางของสภากาชาดไทย หรือหน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้านคุณ

ให้วันนี้… เพื่อชีวิตของใครบางคนในวันพรุ่งนี้

ชีวิตหนึ่ง…อาจช่วยชีวิตอีกหลายคน
คุณเองก็สามารถเป็น “ฮีโร่” ที่ไม่มีหน้ากากได้