เปิดแผนใหญ่ SCB X “อารักษ์” ใช้ Data-AI พลิกธุรกิจ เด้งรับกำไร

เปิดแผนใหญ่ SCB X “อารักษ์” ชู 3 ภารกิจหนุนใช้ Data-AI พลิกโฉมธุรกิจสู่โลก “เทคโนโลยีใหม่” หวังปี’68 ปั๊มกำไรให้ทุกกลุ่มธุรกิจ

กว่า 3 ปีที่กลุ่มไทยพาณิชย์ (SCB) ได้จัดตั้งบริษัท “เอสซีบีเอกซ์” ขึ้นเป็นยานแม่ของกลุ่ม นับตั้งแต่ปี 2564 เพื่อเข้ามาบริหารจัดการธุรกิจในเครือทั้งหมด จนวันนี้จากการทำงานอย่างแข็งขันก็เริ่ม “ผลิดอกออกผล” ให้เห็นเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว

วันนี้ (15 ม.ค.68) ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เดต้า เอกซ์ จำกัด (DataX) ซึ่งได้นำพาให้มาทำความรู้จักกับ “เอสซีบีเอกซ์” ที่ต่อยอดธุรกิจ “ธนาคารไทยพาณิชย์” ให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เดต้า เอกซ์ จำกัด (DataX)

โดยองค์กร “เอสซีบีเอกซ์” แบ่งธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ 1.กลุ่มธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ถืแเป็นกลุ่มธุรกิจหลัก เรียกว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ พร้อมสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

2.ธุรกิจในเจน 2 (Next Growth Engine) คือกลุ่มธุรกิจที่ระยะต่อไปจะสร้างรายได้ออกดอกออกผลให้กับธุรกิจ เช่นคาร์ด เอกซ์ (CardX) ออโต้ เอกซ์ (AutoX) และมันนิกซ์ (MONIX) โดยปีนี้คาดจะมีกำไรทุกแห่งแล้ว

3.ธุรกิจเจน 3 (Future Growth) เป็นกลุ่มธุรกิจที่เกิดขึ้นในอีก 3-5 ปีต่อจากนี้ เป็นธุรกิจที่รองรับโลกในอนาคตกำลังหมุนไป เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ธุรกิจที่เกี่ยวกับภูมิอากาศ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ และธนาคารไร้สาขา (เวอร์ชวลแบงก์) เป็นต้น เหล่านี้จะเริ่มเห็นเมล็ดพันธุ์ที่เริ่มหว่าน และจะเริ่มออกดอกผลระยะข้างหน้า

“เริ่มเห็นผลลัพธ์ต่างๆ เป็นรูปธรรมตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป โดยปีนี้หวังว่ากำไรจากธุรกิจเจน 2-3 ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เพียงพอเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายจากการลงทุนก่อนหน้า และเริ่มเห็นกำไรขึ้นมาได้ แปลว่าเอสซีบีเอกซ์ จะสำเร็จสองเด้ง คือธนาคารจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ด้วยตัวของธนาคาร ดังนั้น หากทั้งหมดสำเร็จ แปลว่าผลมันทวีคูณ”ดร.อารักษ์กล่าว

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจเอสซีบีเอกซ์ มุ่งมั่นผลักดันนวัตกรรมเทคโนโลยี Data Analytics และ AI เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว โดยแบ่งกลยุทธ์ออกเป็น 3 ภารกิจสำคัญ เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันและความแข็งแกร่งขององค์กร ดังนี้

1. ปรับโครงสร้างระบบฐานข้อมูล (DATA Center) โดยเอสซีบีเอกซ์ ได้ลงทุนสร้างระบบจัดการข้อมูลแบบครบวงจร เพื่อรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยธุรกิจให้อยู่ในศูนย์กลางเดียวกัน ระบบดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อลดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัย และรองรับการใช้งานในกลุ่มธุรกิจย่อยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการปฏิบัติตามข้อกฎหมายด้านข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัด

เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์อยากใช้ข้อมูลของ CardX อยากใช้ข้อมูลของอินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) เดิมทีต้องขอเป็นกรณีๆ ไป ซึ่งมีความเสี่ยงในวันที่ลูกค้าเปลี่ยนความยินยอม ยังไม่นับว่าต้องสร้างถังข้อมูลซับซ้อน ฯลฯ

2. พัฒนาการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Analytic) สามารถนำข้อมูลมาที่วิเคราะห์ เพื่อช่วยธุรกิจในกลุ่ม เช่น Card X, Auto X และธนาคารไทยพาณิชย์ ให้นำไปใช้วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก เช่น การปล่อยสินเชื่อ การบริหารความเสี่ยง และการวางแผนกลยุทธ์ทางการเงิน โซลูชันนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจ ลดความเสี่ยง และเพิ่มรายได้ของกลุ่มในระยะยาว

3. ต่อยอดด้วยพวกปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (Generative AI) ที่นอกจากการพัฒนาภายในองค์กรแล้ว เอสซีบีเอกซ์ยังมุ่งสร้างโซลูชั่น หรืแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในธุรกิจอื่นนอกกลุ่ม เช่น การจัดการ Compliance ในธุรกิจการเงินและการบริการลูกค้า

ซึ่งโซลูชันเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน แต่ยังสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายให้พันธมิตรหรือบริษัทภายนอกได้ในอนาคต

ทั้งนี้ การทำภารกิจใช้เวลา 3 ปีไปกับภารกิจ 1 ปีนี้จะเข้าสู่ภารกิจ 2 อย่างเต็มรูปแบบในการนำเข้าข้อมูลไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ คือต้องทำให้เร็ว ดี และถูก แต่ภารกิจหนึ่งไม่ได้หยุด เพราะเมื่อมีพันธมิตรหรือธุรกิจมีการเคลื่อนไหวใดๆ ย่อมต้องมีข้อมูลใหม่ให้เก็บเพิ่มขึ้น ทำให้ฐานข้อมูลจะใหญ่ และนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

“กลยุทธ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความมั่นคงในระยะยาว แต่ยังช่วยเตรียมความพร้อมให้ SCB X เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคต และสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ให้กับทั้งองค์กรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบเศรษฐกิจโดยรวม”ดร.อารักษ์กล่าว