
เปิดโปงแหล่งอาชญากรรมออนไลน์ ที่ตั้งฐานใหญ่ติดชายแดนไทยอย่าง “ประเทศกัมพูชา”
(20 มิ.ย. 68) สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เปิดเผยรายงานประจำปี 2568 ถึงประเด็น “ผลกระทบระดับโลก ศูนย์กลางหลอกลวง ธนาคารใต้ดิน และตลาดออนไลน์ผิดกฎหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เปิดเผยแผนที่ศูนย์กลางรองรับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ ได้ย้ายมาปักฐานในพื้นที่ “กัมพูชา” แล้ว

รายงานระบุว่า กัมพูชา กลายเป็น 1 ในประเทศที่เครือข่ายอาชญากรได้ย้ายเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งมีข้อจำกัดทางกฎหมาย โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) และพื้นที่ชายแดน ซึ่งกลายมาเป็นจุดสำคัญในการจัดตั้งฐานปฏิบัติการ อีกทั้งมีการเปิดเผยชื่อเมืองสำคัญ ซึ่งกลายเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการหลอกลวงรายใหญ่ อาทิ สีหนุวิลล์ ตะโบงคมุม เกาะกง โพธิสัตว์ บาเวต ปอยเปต และรวมไปถึงเมืองหลวง “พนมเปญ” ซึ่งมีการเปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณ โพธิสัตว์ เปรียบเทียบระหว่างกุมภาพันธ์ 2565 และเดือนมกราคม 2568 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในการก่อสร้างอาคาร โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถูกระบุว่า เป็นฐานที่ใช้ในการหลอกลวงทางไซเบอร์

อีกทั้งมีการเปิดเผยถึงตัวอย่างกลุ่มธุรกิจซื้อขายสินค้าผิดกฎหมาย และเงินสกุลดิจิทัลทางออนไลน์ เพื่อใช้ในการฟอกเงิน โดยพบเห็นในแพลตฟอร์มที่มีการใช้ภาษาจีนเป็นหลัก
นอกจากนี้ มีรายงานถึง Huione Guarantee (ศูนย์กลางอาชญากรรมทางไซเบอร์) ในกรุงพนมเปญว่า เป็น 1 ในแพลตฟอร์มเว็บมืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และทรัพยากรสำหรับอาชญากรทางไซเบอร์ โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 970,000 ราย และการประมวลผลธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลมูลค่าสูงกว่า 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7.8 แสนล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม แม้ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา จะเพิกถอนใบอนุญาตของ Huione ในเดือนมีนาคม 2025 แต่บริษัทยังคงหลบเลี่ยงกฎระเบียบและให้บริการธนาคารเงา ประกาศแผนย้ายธุรกิจการชำระเงินระหว่างประเทศและเข้าซื้อหุ้น 30% ใน Tudao Guarantee ซึ่งเป็นตลาดมืดอีกแห่ง และแม้ว่ารัฐบาลกัมพูชาจะพยายามบังคับใช้กฎหมาย แต่การดำเนินการต่าง ๆ ยังคงไม่สอดคล้อง และเครือข่ายอาชญากรเหล่านี้ ยังไม่ถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์

ขณะเดียวกัน The Straits Times รายงานว่า ขณะนี้ผู้สังเกตการณ์หลายคน เห็นพ้องต้องกันว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต์ กำลังเผชิญกับแรงกดดันภายในกัมพูชาที่เพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้าย ความไม่เท่าเทียมและกิจกรรมผิดกฎหมายที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอาชญากรรมทางไซเบอร์และการหลอกลวงทางออนไลน์ พร้อมกับมีการระบุว่าผลกำไรจากธุรกิจผิดกฎหมายส่วนใหญ่ มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลใกล้ชิดกับชนชั้นนำทางการเมืองของกัมพูชาด้วย
ขอบคุณข้อมูล : UNODC และ The Straits Times