ยอดขายมอไซค์ 3 เดือนแรกปี 66 พุ่งแตะ 5.6 แสนคัน

3 เดือนแรกปี 66 ยอดขายมอไซค์ พุ่งแตะ 5.6 แสนคัน สูงกว่ายอดขายรถยนต์ถึง 4.5 เท่า สายซิ่งชอบความคล่องตัว หาที่จอดง่าย ประหยัดน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาไม่สูง ดัน ‘ธุรกิจขายอะไหล่ ซ่อมบำรุง ธุรกิจสินเชื่อ’ โตตาม

มอเตอร์ไซค์ หรือ รถจักรยานยนต์ เป็นหนึ่งในยานพาหนะ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีผู้ให้ความนิยมในการขับขี่มากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในบ้านเราที่เจ้าสองล้อนี้เป็นเหมือนเพื่อนร่วมทาง และอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงรถติด

อีกทั้ง เมื่อดูจากแนวโน้มความนิยมแล้ว พบว่า จำนวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดย นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ทีมวิเคราะห์ธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดทำบทวิเคราะห์ธุรกิจที่น่าสนใจประจำเดือน เม.ย.66 พบว่า ธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวเนื่อง มีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดย ปี 2563 จดทะเบียนจัดตั้ง 194 ราย ทุนจดทะเบียน 330.56 ล้านบาท ปี 2564 จัดตั้ง 183 ราย (ลดลง 5.67%) ทุน 237.35 ล้านบาท (ลดลง 28.20%)

ขณะที่ ปี 2565 จัดตั้ง 283 ราย (เพิ่มขึ้น 54.64%) ทุน 525.67 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 121.48%) ส่วน ปี 2566 เดือน ม.ค.-เม.ย.จัดตั้ง 134 ราย (เพิ่มขึ้น 39 ราย หรือ 41.06% เดือน ม.ค.-เม.ย.65 จัดตั้ง 95 ราย) ทุน 193.06 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 64.94 ล้านบาท หรือ 50.69% เดือน ม.ค.-เม.ย.65 ทุน 128.12 ล้านบาท)

ด้าน ผลประกอบการธุรกิจ (รายได้รวมธุรกิจ) ปี 2562 รายได้รวม 4.35 แสนล้านบาท กำไร 3.70 หมื่นล้านบาท ปี 2563 รายได้รวม 3.98 แสนล้านบาท (ลดลง 3.69 หมื่นล้านบาท หรือ 8.46%) กำไร 3.51 หมื่นล้านบาท (ลดลง 1.80 พันล้านบาท หรือ 4.87%) และ ปี 2564 รายได้รวม 3.73 แสนล้านบาท (ลดลง 2.49 หมื่นล้านบาท หรือ 6.25%) กำไร 2.61 หมื่นล้านบาท (ลดลง 9.02 พันล้านบาท หรือ 25.69%)

แม้ช่วง ปี 2562-64 ธุรกิจมีแนวโน้มของรายได้รวมและผลกำไรที่ลดลง แต่หากพิจารณาถึงขนาดธุรกิจ (S M และ L) จะพบว่า ผลประกอบการส่วนใหญ่มีน้ำหนักอยู่ที่ธุรกิจขนาดใหญ่ (L) โดยสินทรัพย์ของธุรกิจขนาดใหญ่ (L) มีสัดส่วนมากกว่า 70% ของสินทรัพย์ธุรกิจทุกขนาด

ดังนั้น เมื่อธุรกิจขนาดใหญ่มีกำไรลดลง จึงส่งผลให้กำไรของธุรกิจในภาพรวมลดลงตามไปด้วย เช่น ปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2563 ธุรกิจในภาพรวมมีกำไรลดลงกว่า 25.69% ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจขนาดใหญ่ (L) มีผลกำไรลดลงกว่า 9,600 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็ก (S) ขาดทุนลดลง 55 ล้านบาท และธุรกิจขนาดกลาง (M) มีผลกำไรเพิ่มขึ้น 542 ล้านบาท

การลงทุนในธุรกิจส่วนใหญ่เป็นคนไทย มูลค่าการลงทุน 2.16 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 61.91% ของการลงทุนในธุรกิจทั้งหมด และมีการลงทุนจากชาวต่างชาติ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น มูลค่า 1.18 หมื่นล้านบาท (33.96%) จีน มูลค่า 419 ล้านบาท (1.20%) มาเลเซีย มูลค่า 221 ล้านบาท (0.63%) และอื่นๆ 805 ล้านบาท (2.30%)

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย.66) มีธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวน 3,690 ราย คิดเป็น 0.42% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ (871,041 ราย) และมีมูลค่าทุน 34,963.03 ล้านบาท คิดเป็น 0.16% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ (21.23 ล้านล้านบาท)

ส่วนใหญ่ดำเนินกิจการรูปแบบบริษัทจำกัด จำนวน 2,506 ราย คิดเป็น 67.91% มูลค่าทุน 31,302.96 ล้านบาท โดยเป็นธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 2,125 ราย ทุน 1.01-5.00 ล้านบาท จำนวน 1,187 ราย และทุนมากกว่า 5 ล้านบาท จำนวน 378 ราย โดยแบ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) จำนวน 3,044 ราย (82.49%) ขนาดกลาง (M) จำนวน 513 ราย (13.90%) และขนาดใหญ่ (L) จำนวน 133 ราย (3.61%)

ขณะที่ ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ระบุว่า ตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งของธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล โดยในช่วง 3 เดือนแรก (เดือน ม.ค.ถึง มี.ค.) ปี 2566 ประเทศไทยมียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 557,843 คัน (ม.ค. 174,980 คัน, ก.พ. 179,091 คัน และ มี.ค. 203,772 คัน)

ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 122,812 คัน (ม.ค. 35,387 คัน, ก.พ. 41,051 คัน และ มี.ค. 46,410 คัน) เมื่อเทียบสัดส่วนพบว่า ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์มีมากกว่ายอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลถึง 435,031 คัน หรือ มากกว่าประมาณ 4.5 เท่า

โดยปัจจัยหลักมาจากการที่ รถจักรยานยนต์มีความคล่องตัว หาที่จอดง่าย ประหยัดน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาไม่สูง แปลงเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ง่าย ที่สำคัญได้รับความนิยมทุกพื้นที่ นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์มีการออกแบบหลากหลายประเภทให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ระยะทาง สภาพจราจร การท่องเที่ยว กีฬา การแข่งขัน

และอีกด้านหนึ่ง รถจักรยานยนต์ยังเป็นของเล่นสำหรับกิจกรรมอดิเรก เป็นของสะสม และมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ชื่นชอบตกแต่งรถให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่งผลให้ธุรกิจอื่นที่มีความเกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจอะไหล่ตกแต่งรถจักรยานยนต์ ธุรกิจบริการซ่อมบำรุง ได้รับประโยชน์ไปด้วย ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคอาจซื้อรถจักรยานยนต์ผ่านระบบสินเชื่อเช่าซื้อ จึงส่งผลให้ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เติบโตตามยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

“แม้รถจักรยานยนต์ จะเป็นยานพาหนะที่สะดวกในสภาพการจราจรที่ติดขัด ทำให้ใช้งานในเมืองได้สะดวกสบาย แต่ก็เป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด โดยข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก พบว่า ปี 2565 มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จำนวน 17,347 คน เป็นรถจักรยานยนต์จำนวน 8,751 คน คิดเป็น 50.45% ดังนั้น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องใช้ความระมัดระวัง และไม่ทำพฤติกรมเสี่ยง ทั้งการขี่รถเร็ว การขี่รถย้อนศร และการไม่สวมหมวกกันน็อค เพื่อช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น”
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าว

อย่างไรก็ ขับขี่ปลอดภัย ใส่ใจกฎจราจร กันนะคะทุกคน ที่สำคัญเลยคือ เมาไม่ขับ สวมหมวกนิรภัย หมั่นตรวจเช็กสภาพรถ และขับรถเร็วไม่เกินที่กฎหมายกาหนด ด้วยความปรารถนาดีจากเพจ ‘อีจัน’ จ้า

คลิปอีจันแนะนำ
ผู้ปกครองคลั่ง บุกโรงเรียนชิงตัวลูก จ.ชุมพร