ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย.66 สูงสุดรอบ 40 เดือน แต่กังวลการเมือง

ม.หอการค้าไทย เผย ผลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน มิ.ย.66 สูงสุดรอบ 40 เดือน อานิสงส์ท่องเที่ยว แต่ยังกังวล เสถียรภาพการเมืองหลังเลือกตั้ง

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน มิ.ย.66 วันนี้ (13 ก.ค.66) รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เผยว่า ดัชนีปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 มาอยู่ที่ระดับ 56.7 และเป็นดัชนีที่สูงสุดในรอบ 40 เดือน และปรับตัวดีขึ้นจาก ระดับ 55.7 เมื่อเดือนก่อนหน้า

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน อยู่ที่ 41.6 จาก 40.5 เมื่อเดือนก่อนหน้า และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต อยู่ที่ 63.9 จาก 63.1 เมื่อเดือนก่อนหน้า

ทั้งนี้ จากการปรับตัวของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากผู้บริโภครู้สึกว่า เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวลดลงทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายในเรื่องค่าครองชีพลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอน ในการจัดตั้งและเสถียรภาพทางการเมืองรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ค่าครองชีพที่ยังทรงตัวสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้ารวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สถาบันการเงินของโลก เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลก เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทยทำให้การส่งออกในช่วงนี้หดตัวลง และมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาค

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 51.2 53.7 และ 65.1 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือน พ.ค.66 ที่อยู่ในระดับ 50.2 52.8 และ 64.2 ตามลำดับ แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาพลังงานและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

กกพ.เปิดฟังความเห็น ค่าไฟงวดสุดท้ายปี 66 ถูกสุด 4.45 บ. แพงสุด 6.28 บ.เช้ามืด พรุ่งนี้ (13 ก.ค. 66) เบนซิน แก๊สโซฮอล์ ขึ้น 30 สตางค์