ราคาน้ำมันวันนี้ ‘เบนซิน’ ลง 40 สต. มีผลเช้ามืดพรุงนี้ (22 พ.ย.66)

ฮิฮิ้ว! เช้ามืด พรุ่งนี้ (22 พ.ย.66) ราคาน้ำมัน เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ลง 40 สตางค์ต่อลิตร ส่วน ‘ดีเซล’ ยังราคาเดิม

เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (21 พ.ย.66) PTT Station แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 40 สตางค์ต่อลิตร GSH95 Premium ลดลง 0.40 บาทต่อลิตร ส่วน Premium ดีเซล และกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 22 พ.ย. 2566 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็น ดังนี้ ULG = 43.94, GSH95 = 36.05, E20 = 33.94, GSH91 = 34.28, E85 = 34.09, พรีเมี่ยม GSH95 = 43.84, HSD-B7 = 29.94, HSD-B10 = 29.94, พรีเมี่ยมดีเซล B7 = 41.54 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร

เช่นเดียวกับ ปั๊มบางจาก ลดราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด ลง 40 สตางค์ต่อลิตร สำหรับผลิตภัณฑ์ Hi Premium 97 และกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม BCP Retail Price : GSH95S EVO 36.05/ GSH91S EVO 34.28/ GSH E20S EVO 33.94 / GSH E85S EVO 34.09 / Hi Premium 97 (GSH95++) 47.74 / Hi Diesel B20S 29.94/ Hi Diesel S 29.94 / Hi Diesel S B7 29.94 / Hi Premium Diesel S B7 43.64 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่กทม.)

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 20 พ.ย.66 ซึ่งไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 71-78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 76-83 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (20-24 พ.ย.66)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกกดดันเนื่องจากตลาดกังวลตัวเลขเศรษฐกิจเอเชียที่ออกมาไม่ดี ขณะที่ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงสนับสนุนจากการคาดการณ์ของ IEA และ OPEC เรื่องอุปสงค์น้ำมันที่ยังคงเติบโต รวมถึงอุปทานน้ำมันโลกที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก จากท่าทีของกลุ่มโอเปกที่มีแนวโน้มการคงนโยบายลดกำลังการผลิต จนถึงสิ้นปี 66

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

• เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะกลุ่มเอเชียได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากตัวเลขการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 10 เดือนแรกของจีน ปรับลดลง 9.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันในจีนและโลก ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ญี่ปุ่นไตรมาส 3/66 หดตัวลง 2.1% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.6% และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบปี 66 จากการลงทุนและการบริโภคในประเทศลดลง

• ความไม่แน่นอนของนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงส่งผลต่อราคาน้ำมัน โดยตลาดจับตาการประชุม ECB ที่จะมีวันที่ 29-30 พ.ย.66 ที่คาดการณ์ว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับสูงกว่า 4.0% ต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากกว่า 99% (ณ วันที่ 14 พ.ย.66)ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25%-5.5% เช่นกัน (เพิ่มขึ้นจาก 85.4% ณ วันที่ 9 พ.ย.66) อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่า FED จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 67 มีเพียง 55% ลดลงจากผลสำรวจในเดือน ก.ย. ที่ 70%

• สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสส่งผลต่อราคาน้ำมันลดลง หลังการโจมตีของอิสราเอลยังอยู่ในพื้นที่จำกัด และไม่กระทบกับการผลิตน้ำมันในพื้นที่ตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงยังคงมีต่อเนื่อง หลังล่าสุด (16 พ.ย.) อิสราเอลออกปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่โรงพยาบาลอัลชิฟาในฉนวนกาซา โดยอ้างว่าเป็นการโจมตีฐานทัพของกลุ่มฮามาสที่อยู่ในโรงพยาบาล

• องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และโอเปก (OPEC) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันปี 66 มาอยู่ที่ 2.36 และ 2.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ และปรับเพิ่มคาดการณ์ปี 67 เพิ่มขึ้นเช่นกัน มาอยู่ที่ 0.93 และ 2.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมัน ปี 67 ปรับตัวลดลงจากปีนี้จากความกังวลเศรษฐกิจโลก

• ตลาดจับตามองการประชุมกลุ่มโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ที่จะจัดขึ้นวันที่ 26 พ.ย.66 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ OPEC+ จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการลดกำลังการผลิตน้ำมัน ขณะที่นักวิเคราห์จาก Energy Aspect คาดการณ์เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมาว่าซาอุดิอาระเบียอาจขยายการลดกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่อเนื่องจากปลายปีนี้ไปจนถึงสิ้นไตรมาส 1 หรือกลางปีหน้า

• เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ย.66 และตัวเลขเศรษฐกิจของจีนได้แก่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี ประเภท 5 ปี เดือน พ.ย.66