สกลธี ลงพื้นที่ช่วย นพวรรณ อ้อนคะแนนเสียงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดออเงิน

“สกลธี” ช่วย “นพวรรณ” ส.ส.กทม. พปชร. หาเสียงตลาดออเงิน สายไหม ย้ำ เลือกพลังประชารัฐ ก้าวข้ามความขัดแย้ง

โค้งสุดท้ายที่พรรคการเมืองจะเร่งหาเสียงทำคะแนน ก่อนถึงวันเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค. 66 เหลือเวลาอ้อนขอคะแนนกันอีกแค่ 6 วัน!

วันนี้(8 พ.ค. 66)  ที่ตลาดออเงิน พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค และในฐานะหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่วอนขอคะแนนเสียงให้ ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เขต12 เบอร์ 12 ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ รวมถึงพ่อค้า-แม่ค้าในตลาดออเงิน ที่ร่วมเป็นกำลังใจให้กับผู้สมัคร ส.ส. คนนี้

หลังลงพื้นที่หาเสียง นายสกลธี กล่าวว่า ได้ไปปราศรัยย่อยที่เคหะออเงิน มีประชาชนร่วมฟังปราศรัยประมาณ 300 คน และตามด้วยมาที่จุดนี้ ตลาดออเงิน แล้ววันนี้ก็พยายามเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คือการเอานโยบายไปขาย ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยสูงอายุ บัตรประชารัฐ 700 บาท หรือว่าเป็นการลดราคาน้ำมัน ลดราคาก๊าซหุงต้ม ลดราคาค่าไฟ ได้รับการตอบรับดีจากประชาชน

นายสกลธี กล่าวต่อว่า ณ วันนี้เรื่องของปากท้อง เศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งสังเกตได้ว่าพรรค พปชร. จะไม่ไปทะเลาะกับใคร เราพยายามขายในนโยบายของเรา ที่คาดว่าตอบโจทย์ประชาชน

ส่วนกรณีที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวานนี้(7 พ.ค. 66) พรรคจะได้คะแนนเสียงตอบรับมากน้อยแค่ไหน ตรงนี้ ส่วนตัวไม่ทราบ แต่ว่าดีใจที่เห็นประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์กันเยอะ และสะท้อนให้เห็นว่า วันที่ 14 ใกล้จะถึงนี้ ต้องมีคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเยอะแน่นอน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น กกต. หรือสำนักงานเขต นำข้อบกพร่องของการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวานนี้มาปรับ เนื่องจากวันที่ 14 จะมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์มากกว่านี้หลายเท่า และอยากให้การเลือกตั้งไหลลื่นไม่มีจุดตำหนิ ซึ่งจะทำให้มีผลกับคะแนนที่ออกมา  หากทำรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ส่วนตัวมองว่าทุกคนคงต้องยอมรับกับผลของการเลือกตั้ง

เมื่อสื่อถามว่า มั่นใจ กกต.มากน้อยแค่ไหน นายสกลธี ตอบว่า มั่นใจแต่ยังมีข้อบกพร่องอยู่ เช่น โค้งสุดท้ายไม่ถึงอาทิตย์ก่อนวันเลือกตั้ง ประชาชนบางส่วนยังไม่ทราบว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ใช้บัตร 2 ใบ  ส่วนตัวมองว่า เราต้องเร่งประชาสัมพันธ์ เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ต่างจากปี 62 ซึ่งใช้บัตร 2 ใบและ 2 สีด้วยกัน หากไม่เร่งประชาสัมพันธ์ อาจจะเป็นผู้สูงอายุ หรือคนที่เขาไม่ได้ศึกษามาก่อน และเข้าไปกาผิด ไม่ต่างกับกาคะแนนทิ้งน้ำ และอาจจะนำไปสู่บัตรเสียด้วย ฉะนั้นจึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์ในโค้งสุดท้ายที่เหลือให้ได้มากที่สุด