ปูดำ สรารัตน์ สุดช้ำ! ถูกคำนินทาทำลายทั้งชีวิต

ปูดำ สรารัตน์ สุดช้ำ! ถูกคำนินทาทำลายทั้งชีวิต-เร่งสะสมบุญ พร้อมตายทุกเมื่อ

หลายคนคงรู้จักเธอคนนี้เป็นอย่างดี สำหรับ อดีตนางงาม – นักแสดงรุ่นใหญ่ ปูดำ สรารัตน์ ล่าสุดขอมาเปิดใจ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow เปลือยชีวิตนางงาม รับยังเปิดใจเรื่องความรัก แต่ขอคนพร้อมดูแล โดยคำนินทาทำร้ายมาทั้งชีวิต ถูกตราหน้าหาว่าเป็นภรรยาลับมาตลอด ยอมรับเบื่อคน เบื่อชีวิตเคยคิดฆ่าตัวตาย ชีวิตนี้ต้องเร่งสะสมบุญ เตรียมตัวพร้อมตายทุกเมื่อ

ทำไมถึงไม่ออกงานสังคม เพราะเจ็บช้ำจากคำนินทา?

ปูดำ : พี่มีความรู้สึกว่าสังคมคนเรา ถ้าอยู่เกิน 2-3 คนขึ้นไปมันจะเริ่มสนทนาเรื่องคนอื่น บางอย่างไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นเรื่องจริง เรื่องเท็จ แล้วมักจะถูกแอบอ้างชื่อไปในสถานการณ์ต่างๆ เรามีความรู้สึกว่าเราก็เป็น คนอื่นก็เป็น ถ้าเกิดเขาเป็นแล้วเขาอยู่ในวงการ เขาก็ยังมีโอกาสแก้ แต่อย่างพี่อาจจะไม่ได้มีงานทุกวัน บางทีพี่ก็รู้สึกว่ามันน่ารำคาญถูกดึงชื่อเราไปแล้วเอาไปใช้ ก็เลยรู้สึกว่าเก็บตัวดีกว่า แล้วให้คนที่เขาวิพากษ์เรา ให้เขาคาดเดากันต่อไป เราผิดเองที่เราไม่ได้ทำตัวชัดเจน

เห็นว่ามีนินทาว่าเป็นภรรยาลับบ้าง ซึ่งตอนนั้นพี่ปูเองก็เคยบอกว่าเคยเลือกเดินทางผิด เลือกคนผิด?

ปูดำ : ตอนสมัยที่ประกวดนางงาม แล้วมีชีวิตที่พีคสุดๆ ก็มีบุคคลให้เลือกมากมาย เข้ามาให้เลือกทุกอาชีพ แล้วเราก็คิดว่าบุคคลที่เราเลือกเป็นคนสุดท้าย เป็นคนที่เราตัดสินใจเลือกแล้ว แต่พอเราเลือกไปแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวัง จนมาสักระยะเรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว เริ่มเสียเวลา เสียโอกาสชีวิตแล้ว เพราะเรากลับไปเป็นรองนางสาวไทยไม่ได้แล้ว กลับไปเป็นรองมิสเอเชียไม่ได้ แต่ตอนนั้นใครๆ ก็เข้ามาหาเราเยอะแยะมากมาย แต่เราไม่เลือก แต่พอเราเลือกกลับกลายเป็นเลือกผิด

เหตุผลอะไรที่ทำให้พี่คิดว่าพี่เลือกผิด?

ปูดำ : ตอนแรกก็ไม่ทราบหรอกว่าเลือกผิด ก็เชื่อในคำพูด ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาหาเรา ก็จะมีคำพูดที่จะทำให้เราศรัทธา พอเราเลือกแล้ว เราถึงได้รู้ว่ามันผิด และเมื่อจะเฟดตัวออกมาโอกาสมันหายไปแล้ว

มันเกี่ยวกับนิสัยของเขาด้วยไหม?

ปูดำ : เราก็ไม่ได้ว่าเราดี ผู้หญิงไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนคู่ชีวิตหรอก แต่พอไม่ใช่ ไม่ได้แบบที่ให้สัญญา มันก็ต้องจบกันไป แล้วเราก็ต้องมานั่งเริ่มต้นชีวิตใหม่ และอยู่ที่ว่าก่อนที่เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่มันผ่านวัยที่เราประสบความสำเร็จในชีวิตมานานแค่ไหนแล้ว มันเสียเวลา

เสียเวลากี่ปีกับคนคนนี้?

ปูดำ : 3-4 ปี จนกระทั่งตัวเองมีโอกาสเดินทางไปเรียนที่อังกฤษอยู่ 2 ปี แต่มันก็มีความผูกพัน กลับมาก็คุยกันต่อ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่

ตอนนั้นที่เราคิดว่าไม่ใช่เราบอกเขายังไง หรือเราเฟดตัวไปเลย?

ปูดำ : ยัง จริงๆ มันอยู่เป็นครอบครัวแล้ว กว่าจะรู้ว่ามันไม่ใช่มันก็ประกอบด้วยหลายอย่าง องค์ประกอบตั้งแต่ถูกก่อกวน ทั้งที่เราดูเป็นนางมารร้ายมาก แต่ชีวิตจริงๆ เราค่อนข้างเป็นนางเอกมาก โทรศัพท์ที่บ้านเราต้องดึงปลั๊กออก มีคนโทรมาก่อกวน รังควานตลอดเวลา แรกๆ ตอนเราเป็นที่รัก การปกป้อง การช่วยเหลือ การเชื่อฟังมันมี แต่พอมัน 1-2 ไปเราเริ่มรู้เลยว่าสิ่งที่เราบอก สิ่งที่เราต้องการความช่วยเหลือ มันกลายเป็นเท็จมั้ง มันใช่ มันไม่ใช่ มันเริ่มมีความสงสัย มันเริ่มรู้เลยว่าสิ่งที่เราผิดพลาด มันเริ่มอย่างที่ใครเขาบอกจริงๆ เหมือนกับเราได้ยินมาจริงๆ แต่ตอนที่เราได้ยินเราไม่เชื่อ เราเชื่อคนของเรา

ในที่สุดเราก็เดินออกมาจากตรงนั้น?

ปูดำ : ถูกต้อง

ตอนนั้นหนุ่มๆ รุมขายขนมจีบเยอะมาก?

ปูดำ : จริงๆ แล้วส่วนใหญ่นางงามกับสายดารามันคนละฟิลกัน อย่างดาราก็จะเป็นฟิลลูกคุณหนู แต่อย่างพี่ก็เป็นแบบผู้ใหญ่ ก็จะมายื่นข้อเสนอ ให้ได้ทุกอย่างเลย อยากกินอะไร

เห็นว่ารายเดือนหลักล้านเลยเหรอ?

ปูดำ : จริงๆ เขามาเสนอให้เรามันมาหกว่าหลักล้านอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบ้าน เป็นรถ เป็นอะไร ตอนนั้นเราคิดเยอะ เพราะเรากำลังรุ่งเรืองสุดขีด แล้วผู้ใหญ่ที่มาเสนอให้เราก็เป็นผู้ใหญ่จริงๆ ซึ่งเราไม่เคยเชื่อเลยว่าพวกท่านจะไม่มีครอบครัว ข่าวก็บอกว่าท่านมีครอบครัวแทบทุกคน เราจึงไม่เลือกไง

เห็นว่าหนึ่งในนั้นที่มาจีบคือนักการเมือง ให้ได้ทุกอย่าง ยกเว้นดาวกับเดือน?

ปูดำ : มีนักธุรกิจคนนึงร่ำรวยมากมาจีบ แล้วอยากจะคบหากัน เราคิดว่าคนนี้ดูดี สเปคเรา เราคิดว่าจะเลือกเขาแล้วแหละ แต่วันนึงเขาเรียกเราไปนั่งคุย บอกว่าพี่มีอะไรจะบอกน้องสักอย่างนึง ถ้าน้องคบกับพี่ตอนนี้ พี่ไม่สามารถหาอะไรให้น้องได้อย่างที่น้องต้องการ แต่ถ้าเกิดว่าน้องเป็นแฟนของนายพี่ น้องอยากได้อะไร ยกเว้นดาวกับเดือน พี่จะให้น้องทุกอย่าง คือเขาไม่สามารถเบรกกับครอบครัวเขาได้ที่จะมาซัพพอร์ตเรา แต่ถ้าสมมติเราเป็นแฟนกับนายเขา เขาสามารถให้ได้ทุกอย่าง

ผู้ชายคนนั้นทำให้เจ็บช้ำเรื่องความรักมากที่สุด?

ปูดำ : ไม่ใช่นะคะ คนนั้นยังไม่ทันจะเริ่มอะไร เริ่มแค่รู้สึกดี แค่เริ่มจะเลือก แต่เผอิญเขามาพูดคำนี้กับเรา แล้วเราก็นึกได้ว่านายที่เขาพูดเป็นนายที่พยายามจีบเรานานมากแล้ว แล้วพอเขาพูดอย่างนี้เราก็รู้ว่าเราไปต่อกันไม่ได้ มันจบตรงนั้นแล้ว

ตอนนั้นเสียใจขนาดไหน คนที่เรารัก เอาเราไปยกให้คนอื่น ?

ปูดำ : ตอนนั้นเราก็ยังเด็กอยู่ รู้แต่ว่าเอาละ เราต้องหาเป้าหมายใหม่แล้วที่จะมองแล้วใช่ มองอย่างนี้เรายังมองพลาดเลย แล้วเราก็พลาดซ้ำสองอีกในเวลาอีกไม่นาน

พี่ปูคิดอย่างนี้ไหม เรามีความสวย มีความสามารถ หาเลี้ยงตัวเองได้ ก็จะมีเรื่องของเกียรติที่ไม่ยอมแลกแบบนั้น?

ปูดำ : จริงๆ แล้วตอนนั้นเป็นช่วงที่มีชื่อเสียงมากที่สุด มันก็เหมือนมีหัวโขนที่สวมอยู่แล้ว ทำให้การทำอะไรของเราค่อนข้างระมัดระวังที่ไม่อยากทำให้เสียชื่อเสียง พ่อเป็นข้าราชการ เราอยากจะประครองให้มันเพอร์เฟคท์ เพราะเราเดินทางมาด้วย นักว่ายน้ำทีมชาติ ประกวดนางงาม เส้นทางเรามามันดูดี เราก็เลยพยายามรักษาหัวโขนเอาไว้ แต่ด้วยความที่คนมาเสนอเรา หลอกบ้าง ล่อบ้าง จนเราไม่รู้ว่าอะไรมันถูก อะไรใันจริง อะไรมันปลอม

เห็นว่าโดนข่มขู่ด้วย?

ปูดำ : ตามอยู่พักนึง ตามแบบไม่มีความสุข วันๆ ตื่นมามีแต่ข้อความว่านายอยากเจอ จรกระทั่งวันนึงเราไปทำงานที่ช่อง ช่องก็บอกว่ามีคนโทรศัพท์มาว่าพี่ปูเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เหรอ ก็ไม่ได้เปลี่ยนนะ

โดนข่มขู่จากคนคนเดียวไหม?

ปูดำ : หลายคน ทุกวงการ หลังๆ การจีบกันเหมือนเป็นการแข่งขัน เหมือนแบบใครจะจีบเราติด

เห็นว่ามีจ้างคนมาสะกดรอยตาม?

ปูดำ : ใช่ๆ เอารถมาจอดหน้าบ้าน เอารถทหารมาจอดหน้าบ้าน เอารถมาเฝ้าหน้าบ้าน บางทีเราออกจากบ้านปุ๊บก็ต้องคอยมองว่ามีรถอะไรตามมาหรือเปล่า บางทีเราไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ คนที่มองเราอยู่เป็นคนที่ชื่นชมเราเพราะเราประกวดนางงามได้ หรือว่าเราเป็นดารา เราผวาไปช่วงนึงได้ แล้ววันนึงเรารีบเลือก แล้วก็แจ็กพอร์ตพอดี

มีคนในวงการบันเทิงมาจีบ แล้วพี่คบเป็นแฟนบ้างไหม?

ปูดำ : มีค่ะ เมื่อก่อนเป็นแฟนกับน้องพี่จิ๋ม ปนัดดา ก็โอเค นั่นเป็นคนในวงการที่คบหากันสมัยก่อน

เห็นว่ามีครั้งนึงพี่ปูเกือบได้แต่งงาน?

ปูดำ : ใช่ค่ะ ตอนนั้นประกวดนางงามที่ต่างจังหวัด นางสาวเชียงใหม่ ก็หลงรักผู้ชายคนนึง คิดว่าคงได้แต่งแล้วแหละ มีอยู่วันนีงได้มีโอกาสเดินทางไปเชียงใหม่ เพื่อจะไปโชว์ตัว แต่แฟนบอกว่าแฟนไม่อยู่ ไม่สามารถมารับเราที่สนามบินได้ เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาเองก็คิดว่าเราแคนเซิลงาน แต่เราไม่ได้แคนเซิ้ลเพราะเรารับงานไว้แล้ว ก็ไปแต่ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนก็เลยไปบ้านแฟน เพราะคิดว่าแฟนไม่อยู่ ก็ไปนั่งรอเวลาเพื่อจะได้ออกงาน แต่สักพักแฟนเดินลงมาพร้อมกับสาวสองคน มันก็เป็นอะไรที่เลิกกันไป

เคยมีคนพูดกับพี่ปูไหมว่าเราสวยนะ แต่เราอาภัพรัก?

ปูดำ : พี่กลับไม่เคยคิดคำนี้เลย พี่เห็นมิสยูนิเวิร์สก็ยังโดนทิ้งเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองอาภัพรัก เพียงแต่ว่าช่วงนีงเราไม่มีที่ปรึกษา แต่พี่ไม่เคยเห็นใครประสบความสำเร็จเรื่องความรักเลย ไม่รู้สังคมเป็นค่านิยมอะไร พี่มีความรู้สึกว่าไม่ว่าใครที่ดีกว่าเรา สุดท้ายยังเฟล ยังผิดพลาด เลยทำให้เราทุกข์มันเป็นเรื่องธรรมดา

ทุกวันนี้มีความรักบ้างไหม?

ปูดำ : พี่ไม่อยากคุยเรื่องความรัก เพราะเมื่อกี้เราคุยกันมา เราเล่นกันมาเกือบ 10 คนละ พอคุยกันมาปุ๊บคนจะบอกว่าเราเปลี่ยนอีกแล้ว ถ้าเกิดเราไม่ได้มานั่งคุยเราก็จะไม่ทราบสาเหตุที่เราเปลี่ยนเป็นเพราะอะไร เราถูกหลอก ถูกใช้ ถูกอะไรมาบ้าง คนที่วิพากษ์วิจารณ์คิดว่า เปลี่ยนผู้ชายอีกแล้ว คนจะพูดแต่คำนี้ แต่คนไม่รู้หรอกว่าเขาหลอกเรา มันกลับเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเลย ถามว่า ณ วันนี้ช้ำไหม ไม่นะ ถ้าสมมติมีโอกาส มีจังหวะ แล้วมีใครเข้ามาในชีวิต ซึ่งมันก็ไม่แน่ พี่ยังไม่อยากจะบอกว่าตอนนี้พี่ก็ไม่มี ถ้าเกิดพี่บอกว่าใช่เลย แล้วพรุ่งนี้พี่เลิก ก็จะบอกว่าเปลี่ยนอีกแล้ว พี่คิดว่าความรักของพี่ สำหรับผู้หญิงวัย 56 มันไม่ใช่สิ่งที่พี่จะเอามาเป็นตัวชู เหมือนกับที่พี่ได้ตำแหน่งมากมาย แต่ตอนนี้พี่จะมองว่าความรักที่มีมันใช่ไหม มันเปิดเผยไหม ใช่ตัวจริงไหม หรือไม่ใช่ แล้วนั่งมองตากันปริบๆ ไปก่อน หรือถ้าเกิดใช่ควรจะเปิด เมื่อวันนั้นมาถึงเปิดก็ได้ คือตอนนี้มันไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าใช่หรือไม่ใช่

แสดงว่าพี่ปูไม่ได้เข็ดกับความรัก?

ปูดำ : ถามว่าเข็ดไหม ก็ไม่ได้เข็ด พี่ไม่ได้ออกนอกบ้านนะ พี่ไม่ได้สาวปาร์ตี้เกิร์ล พี่ไม่มีเพื่อน ไม่แอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ พี่เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง เพราะฉะนั้นพี่จะโดนบังคับให้ออกนอกบ้านเสมอ ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่บอกว่าออกไปสิ ไปงานปิดกล้อง ไปงานนู่นนี่นั่นตลอด

เห็นว่ามีคำสั่งเสียก่อนที่แม่จะเสียด้วย บอกว่าไปงานแต่งงานเพื่อนนางงามให้แม่หน่อย?

ปูดำ : ตอนนั้นคุณลูกตาล จริยา เขาจะแต่งงาน ตอนนั้นคุณแม่พี่เขาไม่ค่อยสบาย แม่รู้เลยว่าพี่จะไม่ชอบไปงานใครเด็ดขาด แม่ก็รู้ว่างานนี้จะต้องไม่ไปแน่นอน แต่ว่าน้องเป็นรุ่นน้อง แล้วรู้จักกัน แม่จะสั่งพี่ทุกวัน ย้ำพี่ทุกวันว่าแกต้องไป คืออยากจะดันเราออกงานให้ไปเจอผู้คน แต่งานแต่งงานน้องไปนะคะ แต่ถ้าเป็นลักษณะทานข้าวจะไม่ไปเลย

พี่ปูดำไม่ปิดความรัก แต่คนที่เข้ามาต้องมีมากกว่าในเรื่องไหน?

ปูดำ : คือแววตาของผู้หญิงอายุรุ่นนี้ เขาก็จะมีแววตาของเขาอีกแววตานึง แต่เป็นแววตาของผู้หญิง 56 เนี่ย เวลามองคนที่เข้ามาหาแล้วมีความรักเนี่ย เราจะมีคำถามมากมายอยู่ในแววตาของเราที่ผ่านประสบการณ์ชีวิต เรากลัว เราประหม่า เราถูกหลอกมาแล้วหลายครั้ง แล้วเราไม่ใช่กับแววตาผู้หญิงอ่อนโยน เราเป็นแววตาของคนที่คิดเยอะ คิดมาก เพราะเราไม่มีโอกาสพลาดอีกแล้ว การเลือกของเราครั้งนี้ถ้าเราพลาดอีก เราเริ่มนับ1 ใหม่ไม่ไหน

แล้วคนที่จะเข้ามาต้องเป็นลักษณะแบบไหน?

ปูดำ : พี่ชอบคนอบอุ่น ช่วงที่เปิดร้านอาหารที่บ้านตอนคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะมีผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาที่บ้านเยอะ แต่พอตอนช่วงที่คุณแม่เสียแล้ว มีโควิด ร้านอาหารที่บ้านเราปิด ยิ่งทำให้พี่ปูปิดตายกับชีวิตไปเลย พี่ยังคงเขื่อว่าบุพเพสันนิวาสยังมีอยู่จริง ต่อให้เราไปวัด ไปสถานที่ไหนก็ตามถ้าเกิดเราจะเจอมันก็ต้องเจอ ซึ่งพี่คิดว่าสักวันอาจจะเป็นวันของพี่ก็ได้ แต่ให้ไปมองให้ไปขวนขวายก็ไม่ได้คิดขนาดนั้น

คลิปอีจันแนะนำ
{“src”: “9ca07ff5-5408-4c73-83fb-a5c4dcc22adf”}