พิมรี่พาย ฟ้อง เพจรีวิวชื่อดัง หลังถูกวิจารณ์ ดราม่า ดูถูกคนจน

พิมรี่พาย ฟ้อง เพจรีวิวชื่อดัง หลังถูกวิจารณ์ ดราม่า ดูถูกคนจน ด้านเพจดังกล่าว ลั่นไม่ผิด ยันเสนอความจริง อย่างตรงไปตรงมา

จากประเด็นดราม่าของ แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง อย่าง พิมรี่พาย กรณีที่เจ้าตัว ของขึ้น ด่ากราดกลางไลฟ์สด ขณะที่กำลังจะเริ่มขายของ หลังถูก วิพากษ์วิจารณ์ ว่าตกต่ำ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา ทำให้เรื่องนี้เป็นกระแส วิพากษ์วิจารณ์ ในสังคมเป็นอย่างมาก ถึงพฤติกรรมของเธอ ว่าเป็นการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย และ ดูถูกคนจน

ท่ามกลางกระแส วิพากษ์วิจารณ์ มากมาย ก็มี เพจรีวิชื่อดัง เพจหนึ่ง ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน โดยเพจดังกล่าวกล่าวว่า

“ # พิมรี่พาย

1) สิ่งที่จะทำให้ตัวพิมตกต่ำคือ “คำพูด” ของตัวพิมเอง ที่มีต่อคนดู Live การด่าทอ ดูถูกคนดู การไม่ให้เกียรติผู้อื่น นั่นแหละคือปัญหา

จริงๆ คนเรา ตกต่ำเพราะคำพูดคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว คำพูดคนอื่นไม่มีวันมีค่าขนาดนั้น ถ้าเราไม่ให้ค่านะ ลึกๆ ก็เป็นกำลังใจให้ พิมรี่พาย กลับมาขายแบบสายสตรอง โดยที่ไม่ต้องสนคนมาเกรียนนะ ไม่งั้น live ของคุณจะพังเพราะคนที่มาท้าทายคุณเสมอ

2) จงจำไว้เสมอว่า “เราให้เกียรติคนอื่น เกียรติตัวเราสูงขึ้นเสมอ” เพราะเราจะได้รับเกียรติจากคนรอบข้างทุกครั้งที่เราพูดดี และปฏิบัติตีต่อคนอื่น

3) การอยู่ใน spotlight (จุดสนใจ) เราหนีคำ วิพากษ์วิจารณ์ ทั้งบวก และลบของคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่เราต้องมีคือ ความอดทน และความเข้าใจใน freedom of speech (เสรีภาพในการพูด) ที่เกิดขึ้นในสังคม ที่มันมีความหลากหลายในความคิดเห็นเสมอ เราคงคาดหวังให้ทุกคนมาชื่นชมเราหมดไม่ได้หรอก

“ก่อนที่เราจะได้รับคำสรรเสริญจากใคร เราต้องกล้ารับคำวิจารณ์ก่อนเสมอ”

4) เชื่อเถอะว่า คนที่เขาพูดหมาๆ ใส่เรา สุดท้ายมันก็สะท้อนตัวตนเขาเอง คุณไม่จำเป็นต้องแคร์ หรือให้ค่ามาด่าออกไลฟ์เลย เพราะถ้าคุณแคร์คนฟังส่วนใหญ่ในไลฟ์ ที่เขารอซื้อของคุณอยู่ เขาคงไม่อยากฟังคำด่าเหล่านี้ ที่คุณตำหนิคนคนหนึ่งออกอากาศครับ ควรใจเย็นสักนิด

5) การด่าเหยียดคน (Discrimination) ใน live ไม่ว่าจะฐานะ การศึกษา เพื่อกดอีกฝ่ายให้รู้สึกด้อยค่า หรือตกต่ำ เป็นแนวทางการตอบโต้ที่พิมเลือกใช้ เพื่อปกป้อง self-esteem (มุมมองต่อตนเอง) ตัวเอง แต่จริงๆ มันจะสง่างามมากเลย ถ้าพิมเลื่อนข้ามไปเลย ไม่ต้องให้ค่าคนที่มาด้อยค่าตัวพิม เพราะยิ่งคุณมีอารมณ์ที่ถูกยั่วยุจากคนใน live มันยิ่งทำให้ตัวคุณเผยมุมมืด หรือข้อความที่เป็นมลพิษออกมา (คนพวกนี้ตั้งใจยั่วยุ หาเหยื่อจากการกวนตีนคนอื่น เรามั่นใจว่าพิมกำลังเจอคนแบบนั้นใน Live “ไม่ควรให้ค่าจริงๆ”)

6) เวลาเราใช้อารมณ์ในการสื่อสาร มันสะท้อนกมลสันดานของเราออกมาทั้งหมดเลยนะ ว่าเราคิดอย่างไร ตัวตนเราเป็นคนแบบไหน แล้วหลายๆครั้งที่เราไม่ควบคุมมัน เราไม่ได้ดูดีนะ เราไม่ได้มีคุณค่าจากคำพูดที่อยู่ในสภาวะอารมณ์ที่ขุ่นมัวโมโห ตัวตนด้านลบที่ออกมา ทำให้เราไม่สง่างาม

7) เราจะไม่วัดคุณค่าคนอื่นด้วยเงินเดือน ไม่เอาเงินมาวัดคุณค่าของชีวิตใคร ว่าค่าน้อย ค่ามาก แค่ปริมาณเงินในบัญชีของเขา เราอยากฝากถึงวิธีคิดที่มองคนไม่เท่ากันแบบนี้ว่า จริงๆ คุณค่าของความเป็นมนุษย์ เราเท่ากันหมดครับ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร เป็นใคร เงินเดือนเท่าไร อย่าใช้ความรวยในตัวคุณมันสูงค่ากดทับผู้อื่น โปรดระวังคำพูด

8 ) เอาเข้าจริงๆ เราคิดว่าการ Live ขายของแบบนี้มันไม่ได้น่าฟัง การที่ลูกค้าหายไป ส่วนหนึ่งมันก็อยู่ที่คำที่คุณใช้สื่อสารกับผู้คนใน Live ถ้าคุณพูดจาไม่เข้าหูคน พูดจาไม่ดี ไม่ให้เกียรติลูกค้า หรือคนฟัง เขาก็จะหายไปในที่สุดนะ เพราะไม่มีใครอยากฟังแม่ค้ามาดูถูกชีวิตลูกค้าแน่ๆ

9) คำพูดของพิม ก็สะท้อนเหมือนกันว่า คุณรู้ว่า target market (กลุ่มเป้าหมาย) ของคุณคือคนกลุ่มไหน? ถึงได้กล้าเหยียดพวกเขาออกอากาศ ถ้าคุณยังทำมาหากินทุกวันกับคนที่คุณด่า แล้วมันจะประสบความสำเร็จได้ยั่งยืนสักแค่ไหน? คุณอาจจะคิดว่าคนมาดูที่ด่าเราคงไม่ซื้อเรา หารู้ไม่ ทุกคนที่เป็น target audiences (กลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับธุรกิจ) แค่เขามาฟังเรา วันนี้ไม่ซื้อ วันหน้าก็อาจจะซื้อได้เสมอ (Prospects) จงหมั่นสร้างมิตร และสร้างทัศนคติที่ดีต่อผู้รับสารที่เข้ามาดู Live เราดีกว่าครับ

10) จากใจคนที่ชื่นชมความเก่ง และความสามารถในการสร้างฐานะ จนประสบความสำเร็จของ พิมรี่พาย อย่าให้ตัวตน และอารมณ์ที่คุณมีต่อคำพูดคนอื่นมาทำร้าย ทำลายชีวิตคุณเลย สุดท้ายคำพูดของคุณกำลังกลับมาฆ่าตัวตนของคุณเอง ให้ดูไม่น่ารัก และไม่งดงาม เพียงเพราะโมโหคนใน Live แค่นั้นน่ะหรือ?

คุณเก่งแหละ คุณถึงก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้ แต่เราต้องเอาความสำเร็จ และฐานะของเราไปเหยียดคนอื่นไหม? ทบทวนก่อน

“คุณพูดไม่น่าฟัง วันหนึ่งก็จะไม่เหลือคนฟังคุณ”

นอกจากนี้เขายังมีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม พูดถึงอีกมุมหนึ่ง ของคนออกมาเห็นด้วยกับ พิมรี่พายในครั้งนี้ว่า

“ เราเห็นมีประเด็นคนมายืนข้างพิม (ซึ่งดีแล้วนะครับ)

“เขาดูถูก พูดจาไม่ดีกับเรา เป็นเรา เราจะทนเหรอ?”

1) คุณว่าคนใน spotlight (จุดสนใจ) แบบพิม ถ้าต้อง live ขายของ เขาจะเจอคนเหี้ยๆมากวนตีนเขาได้ทุกวันไหม? เขา mass (มวลชน) ขนาดนี้

2) เราคุมคนอื่นได้เหรอครับ? ให้ทุกคนที่เขามา positive (บวก) โลกสวยไปกับเรา เราด่าเขาวันนี้ คนที่กวนตีนก็มาใหม่ตลอด ไม่หมดจากจากโลก

3) แล้วเรายังต้องแคร์คนฟังส่วนใหญ่ เป็นหมื่นๆไหม ในขณะที่เราหยุดขายเพื่อด่าคนไม่กี่คนใน live?

4) คิดว่าการให้ค่าคนกวนตีน ด้วยการด่ากลับ ทำให้ live น่าฟังและราบรื่นไหม?

5) ถ้าเจอแบบนี้ทุกวัน แล้วพิมด่ากลับทุกวัน ด่ากลับทุกคน การขายของของคุณจะเป็น live ที่มีคนดู มีความสุขจริงหรือ แล้วมันจะยั่งยืนแค่ไหน? กับการหยุดขาย เพื่อด่าคนไปเรื่อยๆ

“Live ขายของก็คือแคร์ลูกค้าไง แคร์คนฟัง”

ไปตอบตัวเองนะว่า “เราจะให้ค่าทุกคน” ในชีวิตเราไหม? (ไม่ไหว ก็ไป “ฟ้องร้อง”)

เราว่าเราเขียนไปครบมาก ครบไปหมดแล้ว ถ้าไม่เคลียร์ประเด็น ก็คิดว่าไม่ใช่ปัญหาของเราแล้วครับ “ต้องอ่านหนังสือแล้วลองใช้สติปัญญาทบทวนดูว่า ปัญหาของเรื่องนี้อยู่ตรงไหนครับ?!?”

ในขณะเดียวกันด้าน พิมรี่พาย เองได้มีการไลฟ์สดอีกครั้ง พร้อมเผยว่าจะไล่ ฟ้อง คนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยจะทำการเรียกค่าเสียหาย 5 แสนบาท พร้อมกับต้องโพสต์ข้อความขอโทษเธอเป็นเวลากว่า 365 วัน และต้องคลานเข่าถือพานขันธ์ 5 มาขอโทษอีกด้วย

ภาพจาก Facebook : พิมรี่พายขายทุกอย่างล่าสุด เพจรีวิวชื่อดัง เพจนั้น ก็ได้ออกมาเผยผ่านเฟซบุ๊กว่าถูก พิมรี่พาย ฟ้อง ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ โดยเพจดังกล่าวก็ได้เขียนชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า

“ เราถูก # พิมรี่พาย แจ้งข้อหาดำเนินคดี จากการ วิพากษ์วิจารณ์ บนเพจ

ที่ผ่านมา เราคิดว่า เรานำเสนอความจริงของเหตุการณ์ ถ้อยคำ หรือข้อความที่เกิดขึ้นจากข่าว อย่างตรงไปตรงมา ของ พิมรี่พาย มาตลอด ทั้งเรื่องที่เป็นประโยชน์ และเรื่องที่เป็นปัญหา โดยไม่คิดว่าตัวเอง “บิดเบือน” และ “ปลอม” ข้อมูลใดๆของ พิมรี่พาย เลย ในทุกโพสต์ยืนยันว่าไม่มีเจตนาแบบนั้น และค่อนข้างมั่นใจว่าตนเองไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา และยินดีไปรับทราบข้อหาทุกกรณี

เราอยากบอกกับทุกคนว่า นี่ไม่ใช่การหาพวก หรือขอความเห็นใจอะไรจากสังคม และเรายังคงเชื่อใน freedom of speech (เสรีภาพในการพูด) และเจตนาของการทำเพจนี้ โดยที่เราไม่มีวัตถุประสงค์ร้ายต่อบุคคล หรือสังคม หรืออาฆาตมาดร้ายใครให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และใช้เพจทำร้ายผู้คน เว้นเสียแต่การ วิพากษ์วิจารณ์ นั้นจะไม่เป็นที่พึงพอใจ หรืออาจจะนำไปสู่ความรู้สึกขุ่นเคือง มองว่าไม่เหมาะสมต่อบุคคลนั้นๆ ซึ่งไม่อาจทราบได้

ทั้งนี้ เราอยากส่งข้อความนี้ออกไปเพื่อบอกกับผู้คนว่า

“ไม่ใช่ทุกคนที่เราสามารถ วิพากษ์วิจารณ์ ได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะมันอาจจะไม่ปลอดภัยต่อตัวคุณเอง ในบุคคลที่เราไม่แน่ใจว่าแตะต้องได้หรือไม่ ก็คงเป็นบทเรียนที่คุณทุกคนได้เห็นจากเรา”

“ถ้าสิ่งใดที่เราพูดแล้วทำให้เกิดความเสียหายจากเราจริงๆ เราขอโทษ และน้อมรับความผิดนั้นทุกประการ ในมุมที่ทำให้ไม่พอใจ หรือขุ่นเคือง แต่เรายืนยันว่าเราหวังดี เชื่อว่าข้อมูลที่ส่งออกไปไม่ใช่การบิดเบือน และมีเจตนาที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาการสื่อสารตัวตน เพราะเป็นผู้ที่มีคนติดตามจำนวนมาก และเราตั้งใจอย่างมากที่จะส่งมอบเรื่องราวของ พิมรี่พาย เป็นบทเรียนต่างๆ ที่สังคมได้รับ เพื่อเป็นประโยชน์แก่สังคม ในการสร้างสรรค์ตัวตน การสื่อสาร การทำตลาด และการบริหารจัดการวิกฤติ เรามีเจตนาเท่านั้นจริงๆ ไม่ใช่ความเกลียดชังตัวบุคคล และไม่เคยโกรธเกลียดตัว พิมรี่พาย แต่อย่างใด”

“แต่ถ้าความเสียหายกับตัว พิมรี่พาย นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเรา เราก็อยากให้ได้รับการทบทวนเช่นกันว่า เป็นเพราะเหตุใดจึงเสียหาย?”

เราจะไปรับทราบข้อกล่าวหา และมั่นใจว่าถ้าเราไม่ผิดจริงๆ เราเชื่อว่า กระบวนการยุติธรรมไทยจะพิจารณากรณีที่เกิดขึ้นกับเราในทางที่เหมาะสมต่อไป ทั้งเป็นธรรมกับเรา และตัว พิมรี่พาย

เราต้องไปใช้เวลาที่สถานีตำรวจกับคดีที่เรายังไม่รู้ว่าเราผิดตรงไหน? แต่เราคิดว่า มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าการ วิพากษ์วิจารณ์ สามารถเกิดขึ้นได้ ด้วยความเข้าใจว่า “ทำไมจึงต้องวิจารณ์?”

การปิดปากคน หรือเชือดไก่ให้ลิงดู เป็นเรื่องปกติใช่ไหมของประเทศนี้ ที่แตะต้องสิ่งใดได้ลำบากเหลือเกิน?!? “

งานนี้ไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม แอดจะรียนำมารายงานให้ทราบกันต่อไปนะคะ

คลิปอีจันแนะนำ
หมอของขวัญ ขอโทษ ไม่ได้คิดดูถูกคนจน ปมดราม่า