เปิดใจ​ ดีเจมะตูม​ -​ ยายอนงค์​ ช่วงติดโควิด​ เผยกระทบหนักถึงครอบครัว

เปิดใจ​ ดีเจมะตูม​ -​ ยายอนงค์​ ช่วงติดโควิด​ เผยกระทบหนักถึงครอบครัว​พร้อมเล่าความสนิทของยาย​ และหลานสายฮา

ขึ้นแท่นยูทูบเบอร์สายฮาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว​ สำหรับ​ ยายอนงค์​ สายทอง คุณยายของ​ ดีเจมะตูม​ เตชินต์​ ล่าสุดทั้งคู่ได้ควงกันมาเปิดเผยความสนิท​ ระหว่างคู่ยายหลานที่เลี้ยงกันมาตั้งแต่เกิด​ พร้อมเล่าชีวิตช่วงติดโควิด​ หนักสุดโดนคนทั้งประเทศด่า​ ยากต้องปิดร้านเพราะไม่มีใครเข้าใกล้​ ในรายการ​ คุยแซ่บโชว์

พี่อนงค์ทำไมอยู่ดีๆ ถึงทำช่องยูทูบกับ​ มะตูม​ ?

ยายอนงค์ : วันนั้นเขาไปที่สวน ไปหายาย ขอพร แล้วบอกว่าเอาเพลงฉ่อยหน่อยได้ไหม อวยพรเขาเป็นเพลงฉ่อย แล้วไปหาวิวตำส้มตำกินกัน

ดีเจมะตูม : จริงๆ คลิปวันนั้น คอนเทนต์คือตูมสึกแล้วไปขอพรผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก แล้วก็ตำส้มตำกินกันในสวน แต่ตูมมาดูยอดวิวในติ๊กต็อกรวมกันมัน 10 ล้าน แล้วมันมีแต่คอมเมนต์ว่าอยากเห็น​ มะตูม​ กับคุณยายทำรายการด้วยกัน ตูมก็ถามเขาว่าไหวไหมถ้าเราทำรายการยูทูบด้วยกัน ถ้ามีลูกค้าเข้ามาต้องถ่าย ห้ามงอแงนะ เขาบอกมีเสื้อผ้าพร้อม หน้าผมพร้อม

พี่อนงค์ไม่ลังเลเลย อยากทำยูทูบกับหลาน?

ยายอนงค์ : พี่เป็นคนชอบสนุก

เคยได้เงินจากยูทูบหรือเคยได้เงินจากหลานไหม?

ยายอนงค์ : ไม่ทันมียูทูบก็ได้จากเขาอยู่แล้ว เขาให้เงินเดือนทุกเดือน

ล่าสุด​ มะตูม​ ซื้ออะไรให้ยาย 500,000 บาท?

ดีเจมะตูม : วันสงกรานต์เป็นวันผู้สูงอายุ ทุกปีตูมก็ไปไหว้ยาย ตูมเห็นเขาสร้างกระต๊อบเล็กๆ อยู่เองที่บ้านสวน ตูมให้เงินเท่าไร เขาก็ไปลงกับปลา ทำสวน และอยากให้แม่อยู่ใกล้ๆ ตูมเลยสร้างเรือนไทยขึ้นมาติดกันเลย ให้คุณยายเป็นของขวัญ

ตอนเด็กๆ มะตูม​ เป็นอย่างไรบ้าง?

ยายอนงค์ : เขาเยี่ยม ดื้อ ซน เล่นกับเพื่อนผู้หญิงไม่เข้าบ้าน แล้วใครเขานุ่งกระโปรงก็อยากได้ ก็ไปซื้อกระโปรงแดงๆ มาให้ใส่

ดีเจมะตูม : คุณยายจะเป็นคนเดียว และคนแรกในครอบครัวเลยที่สนับสนุน

ตอนนั้นรู้เลยไหม หลานฉันต้องเป็นเพศนี้แน่ๆ?

ยายอนงค์ : ยังไม่รู้ เราก็ไม่ได้คิดอะไร จะไปโรงเรียนทีหนึ่ง หยิบรองเท้า ถุงเท้ากว่าจะได้ไปนานนะ

มะตูม​ เริ่มรู้ตัวเองตอนอายุเท่าไร?

ดีเจมะตูม : เรื่องเพศสภาพรู้ตัวเองตั้งแต่จำความได้ว่าเราชอบอะไรที่มันสวยๆ งามๆ ต่อให้เราเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่ว่าลึกๆ แล้วเรารู้ ซึ่งคุณยายตอนสาวๆ เขาเป็นคนแต่งตัว เพราะฉะนั้นเวลาตูมเห็นยายแต่งตัวแต่งหน้า ตูมก็จะชอบยืนดูตรงกระจก ที่ตูมรู้สึกดีใจมากๆ คือตอนนั้นคุณแม่อยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นอยู่ประถม แล้วตูมอยากเป็นลีด อยากเป็นตุ๊ดหัวโปก เป็นลีดหน้าสแตนเชียร์ แต่ไม่กล้าขอแม่ ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่แม่ไม่อยู่ ก็เลยขอยาย คำตอบของยายคือ ยายขับพาตูมไปประตูน้ำแล้วซื้อชุดลีดกางเกงสีม่วงขาสั้น เสื้อสายเดี่ยว แล้วพูดกับตูมว่า เต็มที่เลยลูก แต่อย่าบอกแม่มึงนะ แม่ไม่รู้ แม่มารู้ทีหลังทั้งหมด

แม่มารู้ตอนไหน?

แม่ : มีรูปภาพ อัลบั้มอยู่ที่บ้าน เราก็แบบอะไรเนี่ย ไปแต่งกันตั้งแต่เมื่อไร อ่อ พอดีเป็นเชียร์ลีดเดอร์ รุ่นพี่บังคับ

เวลาคนมาบอกว่าหลานยายเป็นตุ๊ด ยายว่าอย่างไร?

ยายอนงค์ : ไม่รู้สึกอะไร ก็ช่างมันเถอะ ความสุขของหลาน หลานอยากได้อะไรก็ปล่อย เต็มที่ไปเลย

ณ ตอนนั้นถ้าย้อนเวลากลับไป คนส่วนใหญ่รับไม่ได้กับเรื่องนี้ แต่ทำไมยายถึงรับได้?

ยายอนงค์ : เพราะหลานรัก เลี้ยงเขา ก็ต้องจำใจ แม่เขาก็ไม่ได้อยู่เลี้ยง เราเลี้ยงเองก็ต้องตามใจหลานขัดไม่ได้เดี๋ยวมันไม่เข้าบ้าน

เวลาคนมาว่าหลานเราว่าเป็นตุ๊ด เราเคยด่ากลับไหม?

ยายอนงค์ : ไม่เคย ฟังอย่างเดียว ไม่เป็นไรก็ยิ้มไป คุยเรื่องอื่นสนุกๆ เพราะเราเฮอยู่แล้ว

ตอน​ มะตูม​ ติดโควิด ทุกคนในครอบครัวโดนหมดเลย ตอนนั้นยายโดนอะไร?

ยายอนงค์ : สมัยก่อนมันแรงใช่ไหม ยายขายของอยู่หน้าบ้าน ต้องปิดร้านเขาไม่กล้าเดินผ่านร้าน

ตอนนั้นซีเรียสหรือเครียดไหม?

ยายอนงค์ : คิดถึงหลาน ห่วง แต่ไม่กล้าโทรหาเขา ก็ถามแม่เขา แต่ก็คิดว่ามันต้องหาย เขาเป็นก่อนเรา พอทีหลังเราเป็นบ้างโอ้โหชิลมาก

ดีเจมะตูม : คือตูมเป็นก่อน ตามด้วยยาย ปิดท้ายด้วยแม่ โควิดนะครับ ไล่กันมาคนละซีซั่น ตอนคุณยายเป็น ตูมวีดิโอคอลร้องไห้เลย คือโควิดเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับผู้สูงอายุ ตอนหนูติด หนูคิดว่าหนูรอด แต่ยายหนูกลัวนิดหนึ่ง เพราะ 84 แล้ว ตูมวีดิโอคอลไป ยายเป็นอย่างไรบ้าง ร้องลำตัดอยู่ในโรงพยาบาล ตูมก็คิดว่าจริงๆ แล้วภูมิต้านทานเขาสร้างได้

ตอนที่​ มะตูม​ โดนดราม่าเยอะๆ คุณยายก็กลัวเหมือนกันว่าหลานเราจะฆ่าตัวตายไหม?

ยายอนงค์ : กลัว แล้วเราก็อยู่คนเดียวเนอะ เราก็กลัวของเรา เราไม่รู้จะไปบอกกับใคร เพราะใครเขาไม่คบแล้ว ตอนนั้นเขารังเกียจแล้ว เราเลยไม่กล้าพูดกับใคร ติดก็ติดไป เราก็หยุดขายของ

เห็นว่าคุณแม่ก็โดนเยอะ?

ดีเจมะตูม : คือคุณแม่เจอข้อความที่แรงมากๆ คืออยากให้ตัวแม่กับตัวลูกตายไปทั้งคู่ ขอให้ปอดหายไปเลย ขอให้ตายไปจากโลกนี้ แม่ตูมคืออยู่หมู่บ้านไม่ได้เลย ออกไปไหนไม่ได้เลย ตูมโดนคนตำหนิทั้งประเทศ ตูมโอเค เพราะตูมเป็นคนในวงการ แต่พอเป็นคนในครอบครัวเขาไม่ได้เกี่ยวอะไร ตูมรู้สึกทำอะไรไม่ได้ ตอนนั้นตูมรู้สึกแย่มากจริงๆ

ยายอนงค์ตอนนั้นขายของไม่ได้ แถมมีคนมายืนด่าหน้าบ้านด้วย มีอะไรไหมที่เขาทำแล้วเรารับไม่ได้?

ยายอนงค์ : รับได้ตลอด เขาจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา เขาว่าตูมหลานยายอนงค์ติดโควิด แล้วที่ติดเขามาขอพรวันเกิดตอน 4 ทุ่ม เห็นเป็นเรื่องเป็นราว คุยกันทั้งหมู่บ้าน แต่เราเฉย เพราะเขาไม่มานิ แต่เขาไปพูดกันว่าที่​ มะตูม​ มา มะตูม​ ติดโควิดมาแล้ว แล้วมาขอพรจากยาย

ดีเจมะตูม : คือคนคิดว่าตูมเอาเชื้อมาแพร่ที่หมู่บ้าน

ยายอนงค์ : ใช่ เขาก็เลยไม่ผ่านหน้าบ้านเรา

ตอนที่​ มะตูม​ มาออกรายการเรา ตอนนั้นคุณแม่ติดโควิดพอดี?

ดีเจมะตูม : ใช่ครับ วันที่รายการออนแอคือวันที่แม่เข้าโรงพยาบาลวันแรกเลย

ตอนนั้นคุณแม่อาการเป็นอย่างไร หนักไหม?

แม่ : จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับโควิดเลย แม่ไปโรงพยาบาลเพราะว่าโดนสุนัขกัดก็เลยต้องไปแอดมิท เพราะมันอักเสบ เขาบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมนะ ก็เลยเขียนข้อความบอกว่าตูมไม่ต้องมาแล้วนะ บวกอะ ตกใจมากเลย เพราะไม่มีอาการอะไรเลย

ตอนนั้น​ มะตูม​ ห่วงขนาดไหน?

ดีเจมะตูม : จริงๆ ตูมห่วงคุณยายมากกว่า เพราะตูมรู้ว่าแม่ออกกำลังกาย แล้วแม่รับวัคซีนมาครบโดสก็เลยไม่ได้ห่วงเท่าไร แต่ว่ามันก็มีกังวลนิดๆ คือกังวลเรื่องสุขภาพจิต ตูมว่าโควิดเรื่องสุขภาพกายมันไม่นักเท่าสุขภาพจิตนะ เพราะการที่เราต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ เป็นเวลาครึ่งเดือน มันเป็นอะไรที่เครียดมากๆ คนส่วนใหญ่ที่ตูมเจอหลังออกมาจากติดโควิด มันยากมาก

เห็นหลานน่ารักแบบนี้เขาเคยทำอะไรให้ยายน้อยใจ ร้องไห้?

ยายอนงค์ : มันก็มีหลายเรื่องเหมือนกันนะ เรื่องดื้อ ไม่กลับบ้าน เรื่องนี้มันน้อยใจ คือครั้งหนึ่งเธอเล่นกับเด็กผู้หญิงของเธอ เธอก็ไม่กลับบ้าน แม่เขาก็อยู่ต่างประเทศให้เราเลี้ยง ไม่เคยกลับบ้าน 6 โมง ทุ่มหนึ่งก็แล้ว ข้าวก็ไม่กิน เชื่อไหมวันนั้นยายน้อยใจมาก แทบจะขับรถของเขาที่ส่งเขาไปโรงเรียน แทบจะขับรถออกไปแล้วชนอะไรอะไรให้มันยับเลย

ทำไมน้อยใจขนาดนั้น?

ยายอนงค์ : มันเครียด ไม่ฟัง ชวนไม่กลับบ้านสักที ติดเพื่อน เล่นถ่ายรูป เขาเป็นนางแบบ เราก็คิดว่าจะขับรถออกไปชนประตูดีไหม นั่งมาตั้งนาน พี่สาวคนนี้มาตามกลับบ้าน

เคยคิดไหมว่าเด็กที่เราเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กโตมาจะเป็นคนดังระดับประเทศขนาดนี้?

ยายอนงค์ : มันก็ไปตามแนวทุกวันๆ วันนี้เป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้มันจะต้องดีกว่านี้ จะคิดให้หลานอย่างนี้ตลอดกาล​