นัท นิสามณี เดือดโต้กลับ บิวตี้บล็อกเกอร์ หลังรีวิวลิปผ่านกล้อง UV

นัท นิสามณี เดือดโต้กลับ บิวตี้บล็อกเกอร์ หลังรีวิวลิปผ่านกล้อง UV ล่าสุดคู่กรณีออกมาขอโทษ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง

กลายเป็นประเด็น ดราม่า ขึ้นมาทันที หลัง บิวตี้บล็อกเกอร์ รายหนึ่ง ได้ทำคลิปรีวิวลิปมันของ ยูทูบเบอร์ ชื่อดังอย่าง นัท นิสามณี โดยการทดสอบกับกล้อง UV โดยใช้หลักการที่ว่า หากลิปดังกล่าวมีส่วนผสมที่ช่วยป้องกันรังสี UV จริง เมื่อทาแล้วจะปรากฏเป็นสีดำชัดเจน แต่หลังจากที่ทดสอบปรากฏว่าลิปมันของ นัท นิสามณี ไม่ขึ้นสีดำ ด้าน บิวตี้บล็อกเกอร์ คนดังกล่าวจึงได้นำลิปของอีกแบรนด์มาทดสอบให้ดูเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง

ต่อมา นัท นิสามณี ก็ได้ออกมาโพสต์เตือน บิวตี้บล็อกเกอร์ คนดังกล่าว ผ่านอินสตาแกรมสตอรี่ โดยเจ้าตัวระบุข้อความว่า “ทำไมถึงกล้ามเคลมแบบนั้น ไม่ได้อยากมีปัญหาหรืออยากฟ้องใครเลย ทำคอนเทนต์ไม่ศึกษาข้อมูลก่อนเลย คำพูดที่ออกมาแล้ว กลืนกลับไม่ได้นะ อยากให้ระวังหรือรอบคอบกว่านี้”

นัท นิสามณี ยังกล่าวอีกว่า “ไม่รู้นะจุดประสงค์คลิปนี้คืออยากจะเป็นคนมีความรู้ (ต้องศึกษาให้ลึกให้ครบมีเปเปอร์มายืนยันให้ชัวร์ไม่ใช่พูดลอยๆ) หรือจะขายของให้อีกแบรนด์ ถ้าสร้างสรรค์จริงต้องหาจุดยืนของสินค้ามาขาย ไม่ใช่มาหาข้อมูลโจมตีเพื่อขายของอีกแบรนด์ นัท อยู่ตรงนี้ก็มานานพยายามระวัง วางตัวไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายนะ โปรเจกต์นี้ไม่ใช่เด็กเล่นขายของนะ มาพูดลอยๆ ให้คนเข้าใจผิดแบบนี้ ต้องเคลียร์ ทำคลิปอื่นวิวไม่ถึงหมื่น ทำคลิปด่าแล้ววิวเยอะ แบบนี้ไม่เรียกคอนเทนต์คุณภาพนะ นัท อยู่ตรงนี้ ไม่เห็นต้องโจมตีใครก็มีวิวได้ ฝากไว้”

หลังจากนั้น นัท นิทสามณี ก็ได้ทำคลิปวิดีโอออกมาชี้แจงขอเท็จจริง เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดย นัท นิสามณี กล่าวว่า “จากกระแสล่าสุดที่นำลิปของ นัท ไปผ่านกล้อง UV แล้วไม่เป็นสีดำ แล้วก็ตีความหมายกันไป จนเกิดความเข้าใจผิดกับตัวสินค้า และภาพลักษณ์ที่เสียหายกับทางแบรนด์ ว่าไม่สามารถมีค่ากันแดดได้ นัท ขอออกมายืนยันตรงนี้เบื้องต้นก่อนนะคะว่า นัท มีเปเปอร์จากทางแลบว่าเราได้ใส่ SPF15 PA++ มีทั้งการตรวจสอบสินค้าว่าตรงกับส่วนประกอบที่เขียนไว้อยู่หลังฉลากตรงนี้หรือเปล่า ดังนั้นมันไม่ใช่การขายเล่นๆ บ้าๆ บอๆ ที่ นัท จะมาพูดว่าของฉันศูนย์แอลกอร์ฮอลนะ ฉันมี SPF แล้วความจริงมันไม่มี มันเป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นโปรดักส์จะออกมาแบบนี้ไม่ได้”

นอกจากนี้ นัท นิสามณี ก็ยังได้กล่าวถึง บิวตี้บล็อกเกอร์ คนดังกล่าวว่า “การที่คุณจะมารีวิวแค่ว่าแบบฉันมีกล้อง UV นะแล้วฉันลองทายี่ห้ออื่นขึ้นเป็นสีดำ แล้วของ นัท ไม่เป็นสีดำ แล้วคุณไปตีความหมาย หรือทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าโปรดักส์ของ นัท เนี่ยไม่มีค่า SPF แล้วต่อให้โปรเจกต์นี้มันจะเป็นแค่สินค้าออนไลน์ขายง่ายๆ นัท ก็ไม่ใช่มานั่งปลอมข้อมูลว่า อุ๊ยฉันมี SPF แต่ฉันอยากจะใส่อยากจะเขียน ซึ่งสิ่งที่คุณกำลังทำ สิ่งที่คุณกำลังสื่อ มันกำลังทำให้เกิดความเข้าใจผิด และอยากจะเสริมนิดหนึ่งนะคะ กันแดดมันมีหลายประเภท บางประเภทมันสามารถมองเห็นในกล้อง UV ได้ แต่บางประเภทจะต้องทดสอบในรูปแบบอื่น”

ล่าสุด บิวตี้บล็อกเกอร์ คนดังกล่าวก็ได้ออกมาขอโทษ นัท นิสามณี หลังจากที่ไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยขอน้อมรับความผิดพลาด และจะนำไปเป็นบทเรียน ให้ระมัดระวังการรีวิวสินค้าให้มากขึ้น พร้อมชี้แจงถึงหลักการทำงานของ กล้อง UV และผลการทดสอบ โดยเจ้าตัวเผยว่า กล้อง UV จะทำการปล่อยรังสี UV ออกไป และตัวรับภาพก็จะรับเฉพาะรังสี UV ดังนั้นหากกันแดดที่มีสารดูดกลืนรังสี UV เข้าไปไม่ให้สะท้อนกลับมาที่กล้องได้ ภาพก็จะปรากฏเป็นสีดำ ทั้งนี้กล้องดังกล่าวไม่สามารถบอกค่า SPF และ PA ได้ แต่ก็มีความสัมพันธ์กับปริมาณ และคุณภาพในการทากันแดด

ในส่วนของผลการทดสอบ บิวตี้บล็อกเกอร์ คนดังกล่าวชี้แจงว่า ชนิดของตัวกันแดดเองก็มีผลต่อ กล้อง UV เช่นกัน โดยตัว Chemical Sunscreen จะทำงานโดยการดูดซับรังสี UV ดังนั้นก็จะปรากฏเป็นสีดำเมื่อใช้กล้อง UV ส่วน Mineral Sunscreen จะดูดซับรังสี และสะท้อนออก 5% ดังนั้นผลการทดสอบจึงปรากฏเป็นสีเทาเข้ม และกันแดดบางตัวก็อาจจะทำงานโดยการสะท้อนรังสีอย่างเดียว จึงทำให้ผลการทดสอบปรากฏเป็นสีขาว ส่วนแบบสุดท้าย Hybrid UV Filters ก็จะทำงานโดยการดูดซับรังสีเช่นกัน ทำให้ผลการทดสอบจะออกมาเป็นสีเทาเข้มนั้นเอง

เรียกได้ว่าจบลงอย่างสวยงาม ออกมาชี้แจงกันทั้ง 2 ฝ่ายแล้วนะคะสำหรับประเด็น ดราม่า นี้

คลิปอีจันแนะนำ
อ๋อมแอ๋ม มิสแกรนด์พังงา ตอบชัดหลังคนลือมีลูกมีผัวแล้ว
ร่วมโหวตกับ Poll อีจัน
var d=document,w=”https://tally.so/widgets/embed.js”,v=function(){“undefined”!=typeof Tally?Tally.loadEmbeds():d.querySelectorAll(“iframe[data-tally-src]:not([src])”).forEach((function(e){e.src=e.dataset.tallySrc}))};if(“undefined”!=typeof Tally)v();else if(d.querySelector(‘script[src=”‘+w+'”]’)==null){var s=d.createElement(“script”);s.src=w,s.onload=v,s.onerror=v,d.body.appendChild(s);}