จากเหตุการณ์การ นายชัยวัฒน์ ปะทะ ส.ป.ก.โคราชเดือดกลางห้องประชุมศาลากลาง จ.นครราชสีมา ปม หมุด ส.ป.ก ผุด ในพื้นที่อุทยานฯเขาใหญ่ เมื่อวันที่ (13 ก.พ.67) ที่ผ่านมา
วันนี้ (15 ก.พ. 67) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บินตรงโคราช ไกล่เกลี่ยปัญหา ระหว่าง อุทยานฯเขาใหญ่ และ ส.ป.ก. โคราช
หลังมาถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ข้อพิพาท ที่ได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกัน ปม หมุด ส.ป.ก ก่อนจะเดินทางมายัง รร.บ้านปรางคล้า ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อประชุมหาทางออกให้ทั้งสองฝ่าย โดยมี ร.อ.ธรรมนัส เป็นประธานในที่ประชุม
ฝั่งของ อุทยานฯเขาใหญ่ได้ส่ง นายชัยยา ห้วงหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นตัวแทน ส่วนในฝั่งของ ส.ป.ก.โคราช ได้ให้ นายจิรศักดิ์ นานกลาง ผู้อำนวยการกลุ่ม นายช่างสำรวจอาวุโส เป็นตัวแทน และในการประชุมนี้ยังมี ชาวบ้าน 5 คนที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีเข้าร่วมฟังการประชุมด้วย
การประชุมเป็นไปได้ด้วยดีต่างฝ่ายต่างงัดหลักฐานของตัวเองเข้ามาชนกัน รวมถึง 1 ในชาวบ้านก็ได้นำหลักฐานของตนยื่นให้ ร.อ.ธรรมนัส พิจารณาอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน อีจันได้ตั้งคำถามกับ ส.ป.ก.โคราชว่า
“กรณีการวัดที่ปักหมุด มันมีขั้นตอนยังไง”
นายอัครเดช เรียนหิน ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ตอบว่า “อันดับคือต้องอยู่ในเขตดำเนินการของ ส.ป.ก. และคนที่จะได้รับสิทธิ์ต้องเป็นคนที่ได้ลงทะเบียน โดยจะมีลำดับการพิสูจน์ทราบว่าบุคคลนั้นนั้นมีสิทธิ์ได้ที่ทำกิน ส.ป.ก. 4-01 หรือไม่”
ต่อมา อีจันได้ถามกับ 1 ในผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า “แม่ได้โฉนดมาตอนไหน” ผู้ถูกกล่าวหาได้ตอบว่า ”ที่ตรงนี้เป็นที่ของย่ามีโฉนด สค.1 ตั้งแต่ พ.ศ. 2498 ที่ได้เคยเพาะปลูกมา แต่พอถึงรุ่นตัวเองมาโดน อุทยานฯไล่ออกจากพื้นที่“ อีจันเลยถามต่อไปว่า ”ทำไมชื่อโฉนดถึงไม่ใช่ชื่อของแม่แต่เป็นผู้ชายชาวบ้านอีกคนนึง“ ชาวบ้านคนนั้นได้ตอบว่า ”ก็เป็นเพื่อนกันก็เลยชวนกันมาทำสวนทำไร่“
หลังจากจบคำพูด ร.อ.ธรรมนัส ได้โต้ขึ้นมาทันควันว่า ”มันไม่ได้มันต้องเป็นสิทธิ์ของคุณไม่ใช่สิทธิ์ของชายที่คุณบอกว่าเป็นเพื่อน มันผิดกฎหมาย“
หลังการประชุมจบลง ร.อ.ธรรมนัส ได้กล่าวสรุปว่า ให้ทั้งสองฝ่ายนั้นหยุดการปะทะกันไว้เท่านี้ เพราะตนจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เสียก่อน และจะจัดตั้งคณะกรรมการกลาง โดยมี นายภูมิธรรม เป็นประธาน และ ร.อ.ธรรมนัส เป็นรองประธาน เพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องนี้โดยเร็ว สำหรับในส่วนของ 5 ผู้ถูกกล่าวหา ให้ชะลอคดีความเอาไว้ก่อนเพื่อรอทางคณะกรรมการกลาง เป็นผู้ตัดสินในเรื่องข้อพิพาทนี้ รวมถึงที่ตีผังไว้ 2,933 ไร่ด้วย ส.ป.ก. ต้องยุติการดำเนินการทั้งหมดจนกว่าจะได้ข้อสรุป
”ผิดว่าไปตามผิด ประชาชนมีที่ทำมาหากินก็เข้าใจ แต่จะไปทำกินในผืนป่ามันก็ไม่ถูกต้อง“
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อข้อสรุปสุดท้ายจะออกมาในรูปแบบไหน คงต้องติดตามกันต่อไปครับ