หย่าศึก! 2 กระทรวง รอ One Map เสร็จสิ้น ค่อยว่ากันใหม่

หย่าศึก! 2 กระทรวงประชุมเคลียร์ปมพื้นพิพาท สรุปรอ One Map เสร็จสิ้น 2 เดือน ค่อยว่ากันใหม่ ชัยวัฒน์ เผย พอใจ 90% จะเกิดอะไรขึ้นพร้อมรับมือ ยัน! เรื่องนี้ต้องมีคนผิด

วันนี้ (4 มี.ค. 67) เวลา 10.00 น. ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดประชุม “การแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนในเขตป่า” โดยมี ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าร่วมประชุมด้วย

ต่อมาภายหลังการประชุมเสร็จ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อยแต่ละส่วนก็เสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต้องขอเรียนว่าไม่ว่าจะเป็น ก.เกษตรฯ หรือ ก.ทรัพยากรฯ ก็ทำเพื่อประชาชน เพราะฉะนั้นวันนี้เรามีแนวทางในการทำงานเดียวกันและจะมีประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันมากขึ้น

ด้าน นายประยูร อินสกุล กล่าวว่า มีการทำงานมาตามลำดับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดประเด็นปัญหาตรงนี้ เรามีคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน ซึ่งหลังจากได้รับที่ดินมาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เราก็มีคณะทำงานมาจำแนกที่ดินในการประชุมคณะกรรมการชุดนี้ เราเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจาก คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่ง One Map ได้ดีมาก แต่หากเจอปัญหาตรงไหนควรนำมาแก้ก่อน ซึ่งคณะกรรมการ One Map ก็จะดำเนินการให้แล้วเสร็จ

โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ต้องให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน และเมื่อวานแบบเสนอไปที่ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติแล้ว ถือว่าได้ข้อยุติตกลงทั้งสองหน่วยงานว่า เราจะเดินตามคณะกรรมการ One Map ที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเคาะลงมา เพราะฉะนั้นคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติว่าอย่างไร เราก็ยึดตาม ซึ่งที่ดินที่อยู่ระหว่างแนวเขต ส.ป.ก. และป่าอนุรักษ์ หากจัดสรรให้เกษตรกรไปแล้วจะกระทบกับแนวเขตตรงนั้น ซึ่ง รมว.เกษตรฯ ได้ให้นโยบายไว้ว่าจะเว้นจุดนั้นไว้ ไม่ให้เกษตรกรเข้าไปใช้พื้นที่ และอาจจะเป็นการปลูกป่าชุมชน หรือทำพื้นที่เพื่อเป็นประโยชน์ต่ออุทยานด้วย

สำหรับในส่วนของ กรมอุทยานฯ นายอรรถพล กล่าวว่า ตนก็ได้พูดคุยกับเลขา ส.ป.ก. แล้วว่าเราจะกำหนดทีมงานทำงานร่วมกัน ในระดับส่วนกลาง และวันนี้เรามีคณะทำงานส่วนกลางทั้งสองกรม และมีหน่วยงานในพื้นที่ที่จะต้องประสานงานกับร่วมกัน ซึ่ง 30 วันแรกจะเป็นกรอบดำเนินการที่เราจะต้องเร่งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

โดยนำขอบเขตที่เป็นขอบเขตตามกฏหมายของทั้งสองหน่วยงาน เอามาวางเปรียบเทียบกันว่ามีการทับซ้อนหรือไม่ตรงกันอย่างไร และกำหนดพื้นที่ทั้งสองเส้นนั้นให้เป็นพื้นที่เป้าหมาย เพื่อจะได้ทราบว่าทั้งประเทศมีพื้นที่ไหนบ้างที่มีเส้นไม่ตรงกัน และมาทำการตกลงกันภายใน 30 วัน ส่วนที่เหลือต้องรอผลการพิจารณาของอนุกรรมการแผนที่ทับซ้อน หรือ One Map ที่อยู่ภายใต้ คณะคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบที่ดินของ ส.ป.ด. ภายใน 2 เดือน แต่สิ่งที่เราเร่งรัดว่าตรงไหนที่เรายังได้ข้อยุติไม่ตรงกันก็จะเข้าไปสู่คณะกรรมการ One Map แต่ถ้าตรงไหนสามารถยุติกันได้ ทั้งสองหน่วยงานก็สามารถเดินหน้าได้เลย เพื่อกลับมาเป็นพื้นที่อนุรักษ์ หรือเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.

ด้าน ส.ป.ก. ดร.วิณะโรจน์ กล่าวว่า ในส่วนของ ส.ป.ก. ตนมีหนังสือไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ให้แต่งตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย 9 หน่วยงาน อาทิ กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ กรมธนารักษ์ กรมการปกครอง เข้ามาเป็นคณะทำงานตรวจสอบว่า ส.ป.ก. ออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนพื้นที่ของทั้ง 9 หน่วยงานหรือไม่ เพื่อเป็นการคัดกรองว่า พื้นที่ส.ป.ก. ไม่ไปอยู่ในพื้นที่ของหน่วยงานราชการอื่น

ส่วนเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ตนก็ดำเนินการ และมีการตรวจสอบทุกปี สแกนพื้นที่ทางแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ทุกหน่วยงานวันนี้เราคิดว่าควรจะทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น และเรายินดีให้ตรวจสอบ หากพื้นที่ใดเป็นพื้นที่ทับซ้อน ยังไม่ได้ข้อยุติก็จะส่งให้คณะกรรมการ One Map เพื่อให้มีความชัดเจนต่อไป

ขณะเดียวกัน นายจตุพร ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กรณีที่ ส.ป.ก. แจ้งความดำเนินคดีกรณีที่มีการถอนหมุด ส.ป.ก. ได้มีการหาข้อยุติกันหรือไม่ หรือจะต้องให้คณะกรรมการ One map เป็นผู้พิจารณา เรื่องนี้ก็คุยกันแล้ว ซึ่งมีเวลา 2 เดือนในการดูพื้นที่ตรงนี้ ส่วนกรณีเรื่องการแจ้งความดำเนินคดี ตนรับผิดชอบเอง ไม่เป็นไร เพราะทุกคน เช่น นายชัยวัฒน์ ก็อยู่กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ก็ไม่เป็นไร และไม่มีปัญหา ขอให้ทำแบบตรงไปตรงมา เมื่อเส้นแบ่งเขตของคณะกรรมการ One map มา ทุกอย่างก็จบ เราตกลงกันแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น

ขณะที่ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย รมว.กระทรวงเกษตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ ส.ป.ก. ไปแจ้งความเอาผิด นายชัยวัฒน์ ตาม พ.ร.บ.ปราบปรามการทุจริตฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เวลาแสวงหาข้อเท็จจจริง 30 วัน ก่อนส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิดตามประมวณกฎหมายอาญา มาตรา 159 เนื่องจากนายชัยวัฒน์เข้าไปดำเนินการถอนหมุด ส.ป.ก. โดยที่เข้าใจว่าเป็นพื้นที่อุทยาน แต่ ส.ป.ก. ไปแจ้งความเอาผิดเพราะ ส.ป.ก. บอกเป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก. ดังนั้น นายชัยวัฒน์ จะเจตนาหรือไม่อยู่ที่ความตั้งใจ ซึ่ง ป.ป.ช. จะตรวจสอบต่อไป แต่ในระหว่าง 2 หน่วยงานได้ปรับความเข้าใจจนได้ข้อยุติแล้ว

ด้าน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานฯ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกพึงพอใจมากตีเป็นเปอร์เซ็นก็ 80-90% ส่วนเรื่องการแจ้งความนั้นก็ต้องรอทางคณะกรรมการ One map สรุปอีกที ถ้าสรุปแล้วออกมาเป็นที่ของ ส.ป.ก. ผมก็พร้อมรับผิด ซึ่งผมก็เตรียมตัวไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าสรุปเป็นเขตอุทยานฯ ส.ป.ก. ก็ต้องรับผิดเช่นกัน

จะจบแบบหล่อๆ ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมามันเคยมีแบบนี้มาแล้ว เรื่องนี้ต้องมีคนผิด

ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานฯ

คลิปอีจันแนะนำ

ชัยวัฒน์ งานเข้า! ส.ป.ก. แจ้งจับ ถอน 27 หลักหมุดโคราช