รู้จักไวรัสโคโรนาเพื่อรับมือ และป้องกันให้ถูกวิธี

วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ยังน่าเป็นห่วงหลังยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดวันนี้ (5 ก.พ.63) ทีมข่าวอีจันได้พูดคุยกับ ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี รองหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยหนึ่งในทีมผู้ตรวจพบ และยืนยันเชื้อโคโรนาสายพันพันธุ์ใหม่ ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้

โดย ดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ ให้ข้อมูลว่า เชื้อไวรัสโคโรนาก่อนหน้านี้มี 6 สายพันธุ์ ซึ่งมีเพียง 2 พันธุ์ที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตคือโรคซาร์ส และโรคเมอร์ส ที่เคยแพร่ระบาดในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ส่วนในกรณีของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่พึ่งมีการตรวจพบเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ทำการตรวจพบ และยืนยันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้ก่อนที่ทางการจีนจะออกมาประกาศ

ซึ่งพบว่าเชื้อไวรัสฯดังกล่าว ใกล้เคียงกับเชื้อที่ตรวจพบในค้างคาว 80-90 % โดยหลังจากเก็บตัวอย่างจากผู้ที่มีอาการใช้เวลาการ ตรวจสอบและยืนยันเชื้อไวรัสกว่า 36 ชั่วโมง ซึ่งต่อมาภายหลังได้มีการเรียนรู้และปรับวิธีการตรวจสอบใหม่ทำให้ลดเวลาในการตรวจ เหลือเพียง 3 ชั่วโมงก็สามารถแยกเชื้อได้

โดยผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น เจ็บคอ,ตาแดงและมีไข้สูง แต่อาการจะรุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่เพราะไวรัสจะส่งกระทบกับปอด ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าไข้หวัดใหญ่ และผู้เสียชีวิตที่พบในจีนส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ส่วนคนที่ร่างกายแข็งแรงก็มีโอกาสรักษาหาย

ก่อนดร.ทนพญ.สุภาภรณ์ ทิ้งท้ายว่าฝากไปถึงประชาชนว่า ให้เชื่อใจ และมั่นใจในการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะหาวิธี และแนวทางในการต้านไวรัส และไม่ควร ตื่นตระหนกกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ซึ่งการแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คนสามารถแพร่กระจายผ่านทางน้ำลาย และเสมหะเท่านั้น ไม่สามารถแพร่กระจายผ่านการหายใจใส่กันได้ ซึ่งวิธีการป้องกันก็เป็นวิธีทั่วไป ที่มีการณรงค์อยู่แล้วคือการ กินร้อน , ช้อนกลาง , ล้างมือ

และเช็คตัวเองว่ามีอาการหากเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางหรือเข้าไปยังสถานที่เสี่ยงให้ชัดเจน อย่าซื้อยามากินเอง และอย่าตระหนกแนะนำให้ตระหนักและรับมือให้ถูกวิธี